สวัสดี บุคคลทั่วไป

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - tcfreelance

หน้า: [1] 2
1
กาลครั้งหนึ่งทำดี ณ แม่ฮ่องสอน
โรงเรียนบ้านแม่หลุย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน
วันที่ 8-10 ธันวาคม 2561



              การเดินทางครั้งใหม่ที่เรารอคอย  มันไม่เคยเหงาเลย  เมื่อพวกเรามารวมตัวกันเป็นครอบครัวใหญ่อีกครั้ง ถึงแม้จะไม่ได้พบเจอมากันเนิ่นนาน  แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกเราห่างเหินแม้แต่น้อย มันยิ่งทำให้เราต้องมาพูดคุยมากขึ้นด้วยซ้ำ กับเรื่องราวเก่าๆของหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับเรื่องราวการเดินทางครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น  แน่นอนว่ามันจะเป็นเรื่องดีๆ และกลับมาเล่าใหม่ในครั้งหน้าอย่างสนุกสนาน   การเดินทางที่แสนไกลและยาวนาน ร่วม 12 ชั่วโมง กับระยางทาง 700 กว่ากิโลเมตร "กาลครั้งหนึ่งทำดี ณ แม่ฮ่องสอน" นี่คือกิจกรรมปีที่ 4 ของเรา เราตั้งเป้าหมายไว้ที่จังหวัดนี้ และทำการหาข้อมูลโรงเรียนที่ขาดแคลนเบื้องต้นในระดับหนึ่ง ก่อนที่จะลงพื้นที่สำรวจจริง และก็ถือเป็นความโชคดีของเรามากๆ ที่ได้มาเจอกับโรงเรียนแห่งนี้ มันเป็นความลงตัวอย่างบอกไม่ถูก และเมื่อเราได้พูดคุยกับ ผอ.โรงเรียน ผู้นำหมู่บ้าน มันก็ยิ่งทำให้เรามั่นใจ ว่านี่แหละคือโรงเรียนที่เราจะมาร่วมกันทำเรื่องราวดีๆอีกครั้งในปีนี้


     


               ค่ำคืนวันหยุดยาวต่อเนื่อง 7 ธันวาคม 2561 ค่ำคืนที่หลายคนมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางของตัวเองไม่ต่างกัน เรานัดกันที่เก่าเวลาไม่ต่างจากเดิม ณ ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวๆบางปะหัน อยุธยา หลายท่านมาก่อนเวลาก็อาจรอนานหน่อย แต่ไม่นานจากเวลาที่นัดหมายทุกคนทุกคันก็มาพร้อมเพียงกัน และจัดระเบียบของบนรถของตัวเองให้เรียบร้อยพร้อมเดินทางไกล หลายท่านไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็มีเรื่องคุยกันมากหน่อย บางคนเจอกันบ่อยมองตาพยักหน้าสองสามทีก็รู้เรื่อง ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อย และเวลาก็ล่วงเลยมาพอสมควร ตีหนึ่งกว่าๆ คงได้เวลาออกเดินทางกันสักทีแล้ว  เสียงสตาร์ทเครื่องยนต์เริ่มดังขึ้นทีละคัน ส่งสัญญาณว่าพร้อมออกเดินทางแล้ว น้าหมูเริ่มเคลื่อนตัวออกนำเป็นคันแรก พร้อมเช็คความพร้อมของวิทยุสื่อสาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทางเป็นขบวน  ปีนี้ถึงแม้จะเป็นวันหยุดต่อเนื่อง แต่การเดินทางถือว่าคล่องตัวมากๆ สามารถทำเวลากันได้ดี เสียงวิทยุสื่อสารดังลั่นตลอดการเดินทาง ทำให้ลืมความง่วงกันเลยทีเดียว แต่ก็แวะจุดพักบ้างเพื่อให้คนขับได้ยืดเส้นยืดสายเป็นระยะๆ  จากแยก จ.ตาก ไป อ.แม่สอด เส้นนี้ราว 80 กว่ากิโลเมตร มีฝนลงเม็ดมาบ้างนิดหน่อยให้คอยกังกล เส้นทางบางช่วงกำลังก่อสร้าง ยังไม่เรียบร้อยดีนัก บางช่วงที่ทำเสร็จแล้วก็ทำเวลาได้บ้าง เสียงวิทยุสือสารในเส้นนี้ยังดังขึ้นตลอดเวลาเหมือนเช่นเดิมที่ผ่านมา ค่อยแจ้งสมาชิกคันหลังเพื่อความปลอดภัย และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาในการขับขี่  หลุดเส้นทาง ตาก- แม่สอด เราไปแวะพักกันอีกทีก็ อ.แม่ระมาดเลย กว่าจะถึงก็ราวๆ 7 โมงครึ่ง แวะกันยาวๆที่นี่เลยครับ  เพราะจากนี้เราจะมุ่งหน้าเข้าโรงเรียนกันเลย น่าจะใช้เวลาสัก 3 ชั่วโมง ระยะทางราว 170 กิโลเมตร 


               เราแวะพักกันที่แม่ระมาดนี้ร่วม 1 ชั่วโมง เพื่อให้สมาชิกทานข้าวและทำภารกิจส่วนตัว ให้คนขับเตรียมตัวพร้อมสำหรับการเดินทางมุ่งหน้าสู่โรงเรียนราว 3.ชั่วโมง  ช่วงนี้ฝนเริ่มตกลงมาเรื่อยๆอีกครั้ง ทำให้การขับขี่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถนนค่อนข้างลื่นบวกกับเส้นทางส่วนใหญ่เป็นโค้งตัดไหล่เขา โค้งรับบ้าง ไม่รับบ้าง เสียวๆกันไป เสียงวิทยุสือสารก็ยังคงดังลั่นอยู่ตลอด  ประมาณ 11 โมงครึ่งเราก็มาถึงทางเข้า อช.แม่เงา  ทางเข้าโรงเรียนต้องผ่าน อช.แม่เงาเข้าไปครับ เป็นทางคอนกรีตสลับดินลูกรังประมาณ 16 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็ถึงแล้วครับ  โรงเรียนบ้านแม่หลุย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โรงเรียนและหมู่บ้านนี้อยู่ติดกับแม่น้ำเงาเลยครับ ข้ามแม่น้ำเงาไปอีกฝั่งก็เป็น อ.ท่าสองยาง จ.ตากแล้วครับ ว่ายน้ำข้ามจังหวัดกันได้เลย


          


          


               
               บ่ายโมงพอดี เรามาถึงโรงเรียน  การเดินทางที่ค่อนข้างเหน็ดเหนื่อย แต่พอมาถึงแล้วก็ลืมมันไปเลย คุณครู และเด็กๆมารอต้อนรับอย่างอบอุ่น พวกเราส่วนหนึ่งช่วยกันเอาของลงเพื่อที่จะเตรียมมอบให้กับโรงเรียนและเด็กๆในวันพรุ่งนี้ อีกส่วนทีมงานพ่อครัวและลูกทีมแยกออกไปเตรียมอาหารกลางวันให้กับพรกเรา  อาหารมือแรกจากทีมพ่อครัว  "ผัดผงชูรส ใส่ใบกะเพรา " ที่สุดของความกลมกล่อม  ไข่เจียมนุ่มลิ้น  ผัดผักรักสุขภาพ ขนมจีนแกงเขียวหวาน ตบท้ายแรงๆด้วยของหวานในตำนาน บวชฟักทอง (ฟักทองกูอยู่ไหน)  สรุปแล้วมือนี้อร่อยสุดๆไปเลย


                

               


               หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็มีงานนิดหน่อยที่ต้องเตรียมกัน  ก็แบ่งงานกระจายกันไปทำครับ สบายๆเป็นงานเล็กๆนน้อย จัดแยกของนิดหน่อย เพื่อเตรียมมอบให้เด็กวันพรุ่งนี้ อีกส่วนก็ไปเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยในอาคารเรียนอนุบาล เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับทางโรงเรียนในวันพรุ่งนี้เช่นกัน  หลังจากนั้นก็พักผ่อนกันตามสบายๆครับ  จัดเตรียมพื้นที่กางเต็นท์กันตามใจชอบ แต่วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนพอสมควร  แอบลุ้นในใจว่าฝนจะเทลงมาไหมในคืนนี้. 


               

               


              ตกเย็นทีมงานในครัวยังคงยุ่งอยู่กับอาหารค่ำ  เสียงถกเถียงยังคงดังลั่นครัวเหมือนเดิม หรือนี้จะเป็นเสียงที่ช่วยให้อาหารอร่อยเริศรส แน่นอนมันเป็นวิถีของครัวเราไปแล้ว  เสียงไม่ลั่น รสชาติอาหารไม่มา  สุดท้ายก็เป็นมือค่ำสุดพิเศษอีกมื้อ   ค่ำคืนนี้ดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่แค่หลังจากทานข้าวเสร็จไม่นาน ฝนก็เทลงมาให้ต้องวุ่นวายกันสักหน่อย อาจจะไม่ได้มากนัก แต่ก็ต้องมานั่งหลบมุมในอาคาร บรรยากาศการนั่งคุยเลยขาดหายไปนิดหน่อย คืนนี้อยู่กันไม่ดึกมาก  อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศไม่เอื้ออำนวย และความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางที่ผ่านมา หลายท่านแยกย้ายเข้านอน  ผมก็คงต้องไปเหมือนกัน เจอกันพรุ่งนี้เช้า...


                อรุณสวัสดิ์ยามเช้า พร้อมกับความชุ่มฉ่ำจากสายฝนเมื่อคืนนี้ และน้ำค้างในยามเช้า บรรยากาศเลยเย็นสบายเลยครับ  สมาชิกตื่นเช้ามาหน้าตาสนใสทุกคน 


          


เช้านี้หลังจากทานข้าวเช้ากันแล้ว เราจะมีการมอบสิ่งของต่างๆ ดังต่อไปนี้ครับ


1 เงินสนับสนุนการก่อสร้างอาคารเรียนอนุบาล จำนวน 1หลัง
2 โต๊ะ นักเรียนอนุบาล จำนวน 4 ตัว
3 เก้าอี้ นักเรียนอนุบาล จำนวน 25 ตัว
4 ที่นอน นักเรียนอนุบาล จำนวน 24 ชุด
5 มุ้งกันยุง  จำนวน 4 หลัง
6 เครื่องสาธารณูปโภค จำนวน 110 ชุด
7 รองเท้ากีฬา จำนวน 30 คู่
8. และอื่นๆ เช่น สื่อการเรียนเด็กอนุบาล  เสื้อผ้า
9. เลี้ยงอาหารกลางวัน ราดหน้าทะเล



สมาชิกกลุ่มกาลครั้งหนึ่งเป็นตัวแทนมอบสิ่งของให้กับเด็กๆ


          

          

          


สมาชิกเป็นตัวแทนมอบอาคารเรียนอนุบาลให้กับทางโรงเรียน


          

          


เลี้ยงอาหารกลางวันให้กับเด็กๆ


          

          

          



            กลุ่มกาลครั้งหนึ่ง ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกๆท่าน ที่ช่วยกันสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ทั้งเบื้องหน้าเบื้อหลัง  เราเชื่อว่าความสุขไม่ได้เริ่มจากการนำสิ่งของเหล่านั้นมอบให้ทางโรงเรียน  แต่มันเริ่มตั้งแต่การคิดที่จะให้มากกว่า  การแบ่งปันเพียงเล็กน้อย อาจสร้างความสุขให้กับผู้รับอย่างมหาศาล  เพราะเราเชื่อว่า การแบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่เราพอมี มันจะเติมเต็มความสุขให้กับ  "เขาและเรา"




การเดินทาง. จาก อ.แม่สอดใช้เส้นทาง 105 ผ่าน อ.แม่ระมาด อ.ท่าสองยาง เข้าสู่ อ.สบเมย ข้ามสะพานแม่น้ำเงาก็จะถึงทางเข้า อช.แม่เงา พอดี อยู่ทางด้านขวามือ เลี้ยวขวาขึ้นไปเข้า อช.แม่เงา ประมาณ 4 กิโลเมตร และจากอุทยานเข้าไปอีก 12 กิโลเมตร จะเป็นทางคอนกรีตสลับกับดินลูกรัง ก็จะถึง โรงเรียนบ้านแม่หลุย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน

..........การเดินทางของเรายังคงมีต่อแล้วพบกัน..........

2
สำรวจโรงเรียน แม่ฮองสอน
26-27 พ.ค.2561




           กาลครั้งหนึ่งทำดี พวกเราเริ่มทำการสำรวจโรงเรียนขาดแคลนกันอีกครั้ง เมื่อกิจกรรมครั้งก่อนผ่านไป และครั้งใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้น ปีนี้เรามีจุดหมายชัดเจนมาก นั้นคือ แม่ฮ่องสอน  พวกเราได้ทำการสำรวจจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั้งทางโซเชียล และจากคนในพื้นที่ อีกทั้งได้คุยกับทางท่าน ผอ.โรงเรียนโดยตรง จึงได้ทราบข้อมูลที่ค่อนข้างจัดเจน และตรงตามเป้าหมายที่เราพอมีกำลังจะช่วยเหลือได้ เราจึงได้มุ่งไปที่โรงเรียนนี้โดยตรง นั้นคือ โรงเรียนบ้านแม่หลุย อ.สมเมย จ.แม่ฮ่องสอน แต่แค่คุณเพียงเดินข้ามแม่น้ำบริเวณโรงเรียน คุณก็จะข้ามไปอีกหนึ่งจังหวัดแล้ว นั่นก็คือจังหวัดตากครับ ผมนี่ในรอบ 10 นาที ไปกลับ ตาก - แม่ฮ่อนสอนเป็นสิบรอบ ^_____^

          ปลายเดือน พ.ค. เราได้นัดกับทางท่าน ผอ. และได้เดินทางไปดูสภาพทางโรงเรียนจริง และเส้นทางต่างๆ ช่วงนี้ฝนยังไม่มาเต็มที่ การเดินทางจึงไม่ลำบากมากนัก แต่ถ้าฝนตกลงมาจริงๆ ถ้าเป็นรถยนต์ 4x4 ก็สามารถมาได้ไม่ยากเย็นนัก แต่ถ้าอีกเส้นทางนึง  ผมคงต้องไปขอถามท่านรองก่อนนะครับ.... (รอง อบต.) ผู้เชียวชาญในทุกๆด้านที่คุณอยากรู้ 

          พวกเรามาถึงโรงเรียนกันค่อนข้างเร็วครับ ประมาณเที่ยงก็ถึงแล้ว เพราะเรามุ่งหน้ามาที่โรงเรียนนี้โดยตรง นั่งรอนั่งเล่นกันสักพัก ผอ.ก็เดินทางขึ้นมาพอดี ท่าน ผอ.ยังดูหนุ่มแน่นไฟแรงครับ ถือเป็นความโชคดีของโรงเรียนและชาวบ้านที่มี ผอ.ตั้งใจและพร้อมที่จะพัฒนาโรงเรียนและหมู่บ้านไปพร้อมๆกัน  ตอนนี้เกือบจะบ่ายๆ ผอ.ใจดีทำอาหารเลี้ยงพวกเราด้วย ต้องขอขอบคุณมากๆครับ หลังจากทานข้าวเสร็จ เราและทาง ผอ.ก็ประชุมกันเลยครับ เพราะตอนแรก ทาง ผอ.มีธุระจะลงไปข้างล่างเย็นวันนี้  แต่ด้วย ผอ.ชอบๆๆๆๆ เลยไม่ปงไม่ไปละ ขออยู่ต้อนรับเรา และกินข้าวกันเย็นนี้ด้วย ไม่นานท่านรองก็ตามมาสมทบ ท่านเป็นผู้กว้างขวางและเป็นที่ยอมรับของคนที่นี่ และเป็นคนดูแลการสร้างอาคารที่เราเตรียมการสนับสนุน  แน่นอนครับคุยกันยาว  ได้ความรู้มากมายจริงๆ

          ส่วนในเรื่องของรายละเอียดโครงการต่างๆที่เราได้คุยกับทางโรงเรียน  ก็จะมีเขียนไว้อยู่แล้วที่กระทู้ด้านบนเลยนะครับ แล้วเจอกันปลายปีนี้แน่นอน...

ข้อมูลทั่วไปของโรงเรียนบ้านแม่หลุย (5/2561)

          โรงเรียนบ้านแม่หลุย จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2526 สร้างโดยชาวบ้านเป็นอาคารชั่วคราว โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 30 ไร่ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 4 ตําบลแม่สวด อําเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน สังกัด สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอนเขต 2 เป็นโรงเรียนขนาดกลาง เปิดทําการเรียนการสอน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1-3  และชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6  มีนักเรียนทั้งหมด 181 คน มีครู ประจําการ 9 คน พนักงานราชการจํานวน 1 คน และครูอัตราจ้าง 4 คน เป็นชุมชนห่างไกลอยู่ในถิ่นทุรกันดาร และขาดแคลน สภาพของนักเรียนส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ขาดแคลนทุนทรัพย์ สภาพอาคารเรียนก็ทรุดโทรม และมีห้องเรียนไม่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอนเพราะมีห้องเรียนเพียง 6 ห้อง แต่นักเรียนมี 9 ชั้นเรียน ไม่มีอาคารเรียนที่เป็นกิจลักษณะ ไม่มีห้องเรียนที่จะใช้สําหรับทํากิจกรรมการเรียนการสอน อีกทั้งสนามเด็ก เล่นไม่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็กๆ

          ลักษณะของชุมชนโดยรอบ  เป็นภูเขาสูง ชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายตามแบบของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงโปว์ มีประชากร ๔๓๒ คน ๙๐ หลังคาเรือน และมีหย่อมบ้านแม่บาง หย่อมบ้านแม่หลุยหลวง และแม่หลุยน้อย หย่อมบ้านจือลือเหนือ จอลือใต้ จอลือกลาง หย่อมบ้านสบแม่หลุย ระยะทางค่อนข้างไกลมากรถไม่สามารถไปถึง (ข้อมูล ณ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๑) บริเวณใกล้เคียงรอบโรงเรียนคือ ที่ดินทํากินและไร่ของชาวบ้าน อาชีพหลักของชุมชน คือ ทําการเกษตร ปลูกข้าวไร่ มีทำนาบ้าง พืชเศรษฐกิจคือ กะหล่ำปลี ฟักทอง และ มะเขือเทศ มีเลี้ยงสัตว์ คือ วัว หมู และไก่ เนื่องจาก สภาพทางภูมิศาสตร์ที่ไม่เอื้ออํานวยการในทํา การเกษตรและเลี้ยงสัตว์อย่างอื่น มีประเพณี/ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ประเพณีมัดมือ ประเพณี แต่งงาน และการเลี้ยงผี


............................................................................................


          

          

          

          

          

          

          

          

             

          

          

          

             

          


3
 
          การเดินทางต่อของเรา  หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมกับทางโรงเรียนบ้านกอกจูน อ.ปัว ซึ่งปีนี้ก็เป็นอีกปีที่งานของเราผ่านไปได้อย่างดีเยี่ยม ต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกๆท่านอีกครั้ง  อย่างที่บอกไว้กิจกรรมจบ แต่การเดินทางของเรานั้นยังไม่จบ การเดินทางของเรายังมีต่อ มาเดินทางไปพร้อมกันเลยครับ

         พวกเราเดินทางลงมาจากโรงเรียนช่วงบ่ายๆ ที่ อ.ปัว จุดหมายพักแรมในคืนนี้อยู่ไม่ไกลมากนัก คาดว่าไม่เกิน 50 กิโลเมตรจาก อ.ปัว งั้นวนรถเล่นใน อ.ปัว กันสักหน่อยแล้วกัน ที่นี่มีร้านกาแฟซื่อดังที่บอกซื่อไปแล้วทุกคนต้องร้องอ๋อ "กาแฟไทลื้อ" ด้วยเสน่ห์ของสถานที่ตั้ง ได้สัมผัสบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แถมยังมีจุดที่ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพมากมาย พักอยู่ตรงนี้ซะนานครับ คงต้องออกเดินทางกันแล้วละ เส้นทางไม่ไกลก็จริง แต่ก็ไม่อยากให้ถึงเย็นมาก "การเดินทางของเราถึงเย็นทุกครั้ง แม้จะใกล้หรือไกล"

         ในระหว่างลงมาจากโรงเรียน มีรถสมาชิกท่านหนึ่งมีปัญหาลูกยางเพลาขับขาด ถือว่าบาดเจ็บไม่มากนัก แต่ก็ต้องจอดรักษาตัวไว้ที่ อ.ปัว 1 คืน  รุ่งเช้าค่อยมารับกลับบ้านครับ ว่าแล้วเดินทางกันดีกว่า  น้าหมู ดีกรีลั่น ทำไมถึงลั่นรู้กันคืนนี้  นำขบวนเพื่อนมุ่งหน้าสู่ อ.ทุ่งช้าง  หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยสะแตง เส้นทางไม่ลำบากมากนักครับ จะมีช่วงที่เป็นลูกรังสัก 2 กิโลเมตร ซึ่งถ้าไม่ใช่หน้าฝน รถกระบะขับ 2 ก็สามารถขึ้นไปได้ครับ ลานกางเต็นท์ที่หน่วยนี้ค่อนข้างกว้างขวางครับ ลานจอดรถก็กว้าง ห้องน้ำสะดวกสบาย มีจุดชมวิวสวยงาม


       



         ค่ำคืนนี้มีแค่เรา ไร้เพื่อนร่วมทางกลุ่มอื่น ดีกรีเลยลั่นโดยไม่รู้ตัว ค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง ส่องแสงสว่างคล้ายกลางวัน ทีมพ่อครัวแม่ครับนำเพื่อนๆ ช่วยกันรังสรรค์อาหารมื้อค่ำอย่างตั้งอกตั้งใจ อันนี้ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างเสียงเฮฮา สร้างความสุขและร้อยยิ้มในคืนนี้ได้พอสมควร  อาหาราค่ำเสร็จเรียบร้อยครับ มาทานข้าวกันได้ มือนี้ขอยกให้ ไก่ใต้น้ำและรถด่วนทอดกรอบ สุดยอดจนไม่รู้จะบอกยังไง การเดินทางของเราในครั้งนี้ไม่ค่อยเหนื่อยนัก เพื่อนๆเลยนั่งคุยกันได้ยาวๆครับ ส่วนผมเจอดีกรีของ CHOYA เข้าไป หัวทิ่มเข้าเต็นท์ไปตั้งแต่ 4 ทุ่ม เพื่อนๆยังคงนั่งสัมผัสความหนาวกันต่อ สักพักกองไม้กองใหญ่ที่จัดไว้ก็ถูกจุดขึ้น ไปลุกท่วมอุ่นมายันเต็นท์ผมเลย ถึงตัวนอนอยู่ก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยตลอดเวลา ใจนึงก็อยากออกไปนั่งต่อกับเพื่อน  แต่มีเสียงแววๆมาตามสายลม " ใครนอนก่อน กูโกรธ" ความคิดที่จะออกไป จบลงตรงนี้ 55555 ดีกรีน้าหมูมาแล้วละ เป็นดีกรีที่แผ่วเบา แต่ก็หนักแน่น  บางคนไม่รู้จะทำไง ก็ขอตัวไปใส่ถุงเท้าบ้าง ไปหาเสือหนาวใส่บ้าง แล้วก็หายไปเลย  งั้นไปเจอกันตอนเช้าแล้วกันนะ... ราตรีสวัสดิ์



       

       

       



          อรุณสวัสดิ์ยามเช้า อากาศยังคงหนาวเย็น ไม่นานแสงอาทิตย์ที่เริ่มส่องแสงทำให้คลายความหนาวลงได้บ้าง เป็นอีกเช้าวันหนึ่งที่รู้สึกดีเอามากๆ ทุกคนเริ่มออกมาจากเต็นท์สัมผัสอากาศยามเช้า แล้วก็พูดถึงเรื่องราวเมื่อคืนกันยกใหญ่  ก็ถือว่าเป็นสีสัน และสร้างความสุขให้น้องๆได้มาก และจดจำได้ไปอีกนาน .... การเดินทางยังไม่จบนะ ยังมีอีกคืน...



       

       


การเดินทาง

หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยสะแตง  ตั้งอยู่ที่ ห้วยสะแตง ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน มาตามเส้นทางหลวง 101 ปัว-ทุ่งช้าง ขับจนถึงตำบลงอบ จะมีป้ายบอกทางซ้ายมือ หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยสะแตง ใกล้โรงเรียนไทยรัฐวิทยา เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 9-10 กิโลเมตร พอถึงหมู่บ้านจะเป็นทางลูกรังอีกประมาณ 2 กิโลเมตร

ติดต่อ คุณนอย หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยสะแตง โทร 0827189530, 0993832985


           
            จากหน่วยจัดการต้นน้ำห้วยสะแตง การเดินทางยังคงมีต่ออีกคืน แต่คืนนี้เพื่อนๆสามชิกขอแยกกลับไปหลายท่าน เหลือเดินทางต่อพร้อมกันอีก 10 คัน สู่จุดหมายต่อไป "สวนยาหลวง" บ้านสันเจริญ ตำบลผาทอง อำเภอท่าวังผา พื้นที่บนดอยสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,600 เมตร  สวนยาหลวง ตั้งอยู่บนพื้นที่รอยต่อสองจังหวัด คือทั้งจังหวัดน่านและพะเยา โดยพื้นที่บางส่วน อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยศึกษาการอนุรักษ์ต้นน้ำดอยกาด อ.ปง จ.พะเยา ณ จุดสูงสุดของสันปันน้ำคือ ยอดดอยกาด ฝั่งหนึ่งน้ำจะไหลไปยังลุ่มน้ำยม แต่อีกฝั่งหนึ่งน้ำจะไหลไปยังลุ่มน้ำน่าน บ้านสันเจริญชาวบ้านจะเป็นชนเผ่าเมี่ยน แต่เดิมเป็นแห่งปลูกฝิ่นอันดับต้นๆของเมืองไทย จนเป็นที่มาของสวนยาหลวงนั้นเอง ต่อมาจึงได้มีการส่งเสริมให้ปลูกกาแฟ โดยศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดน่าน


           

           

           

           

           

           
             
การเดินทาง   จากน่าน-ท่าวังผา 1080 เมื่อถึง อ.ท่าวังผาแล้ว ให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทาง 1148 อ.ท่าวังผา - อ.สองแคว กม.ที่ 15 เลี้ยวซ้าย ปากทางบ้านน้ำโมงปางสา เข้าไปอีกประมาณ 12 กม. ทางลาดยางผสมคอนกรีต ถึงสามแยกปากทางเข้าบ้านสันเจริญ เลี้ยวขวามือไปตามเส้นทาง 6 กม. จะถึงบ้านสันเจริญ จากนั้นจะเป็นทางลูกรัง ผ่านไรกาแฟประมาณ 10 กม. ก็จะถึงสวนยาหลวง

ติดต่อสอบถามเส้นทาง คุณกิต สวนยาหลวง  โทร 0863907737


ขอบคุณเพื่อนร่วมทางทุกๆท่าน ความสุข  และความสนุกในครั้งนี้ เจอกันครั้งหน้ามานั่งเล่าสู่กันฟังครับ...
ขอบคุณภาพสวยๆจาก นัท อั้ม ตั้ม

4
กิจกรรม “กาลครั้งหนึ่งทำดี หลงฮักเมืองน่าน
โรงเรียนบ้านกอกจูน อ.ปัว จ.น่าน
วันที่ 2-4 ธันวาคม 2560



         กาลครั้งหนึ่งทำดี นี่คือกิจกรรมหลักของเราที่  1 ปีมีเพียงครั้งเดียว  แต่ 1 ปีนั้นมันชั่งผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน  เราพี่ๆน้องๆได้กลับมาเจอกันอีก บางคนได้เจอกันมาบ้าง บางคนไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ปีที่แล้ว  แน่นอนว่า  ด้วยบรรยากาศและความคิดถึงมันจะระบายออกมาในกิจกรรมครั้งนี้แหละครับ ในส่วนของกิจกรรมครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 3 แล้วครับ กิจกรรม “ กาลครั้งหนึ่งทำดี หลงฮักเมืองน่าน ” โรงเรียนบ้านกอกจูน อ.ปัว จ.น่าน เราจะมอบและรับความสุขไปพร้อมๆกันที่นี่ครับ สิ่งของหลักๆนั้น จะเป็นสิ่งที่ทางโรงเรียนต้องการจริงๆ เป็นประโยชน์ทั้งเด็ก โรงเรียน และหมู่บ้าน  กลุ่มกาลครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ใจดีทุกท่าน ที่ร่วมกันบริจากกันมา ทั้งเงิน ทั้งสิ่งของ  เชื่อว่าความสุขไม่ได้เริ่มจากการนำสิ่งของเหล่านั้นมอบให้ทางโรงเรียน  แต่มันเริ่มตั้งแต่การคิดที่จะให้มากกว่า  การแบ่งปันเพียงเล็กน้อย อาจสร้างความสุขให้กับผู้รับอย่างมหาศาล  เพราะเราเชื่อว่าการแบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่เราพอมี มันจะเติมเต็มความสุขให้กับ  "เขาและเรา" พบกับการเดินทางและเรื่องราวดีๆ ที่กำลังจะเริ่มขึ้นต่อจากนี้   มาร่วมเดินทางไปพร้อมๆกันเลยครับ

         ค่ำคืนวันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม  เป็นวันที่เรานัดรวมตัวกันเพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดน่าน เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว การจราจรจึงค่อนข้างหนาแน่นพอสมควร เราจึงนัดกันไกลสักหน่อย โน้นเลยครับ สายเอเชีย บางปะหัน อยุธยา  เพื่อนๆสมาชิกเริ่มถยอยกันมาเรื่อยๆ เนื่องจากค่ำคืนนี้บนท้องถนนรถยนต์ค่อนข้างเยอะ จึงล่าช้ากันไปบ้าง ประมาณเที่ยงคืนสมาชิกก็มากันครบทั้ง 14 คัน พร้อมกับสมาชิก 50 คน ตอนนี้พร้อมแล้วครับ สำหรับการเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดน่าน  น้าหมูผู้นำทางเริ่มตั้งขบวน สมาชิกต่อแถวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย   การเดินทางเป็นขบวนไม่เคยเงียบเหงา เสียงวิทยุสื่อสารยังคงดังขึ้นตลอดเวลา ค่อยกระตุ้นคนขับไม่ให้เหงา และงีบหลับ   เพราะเราเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก สมาชิกในรถคงคอพับน้ำลายยืดกันหมดแล้ว


       


การเดินทางกว่าจะถึงโรงเรียนร่วมๆ 800 กิโลเมตร  ในวันแรกนี้เราจึงยังไม่มีกิจกรรมกับทางโรงเรียน เพราะอยากให้เพื่อนๆสมาชิกได้พักผ่อนกันก่อน  รุ่งเช้าอีกวันค่อยมาเริ่มกิจกรรมกัน  เรามาถึงโรงเรียนราวๆบ่าย  3-4 โมง วันนี้พักผ่อนกันเต็มที่ครับ เพื่อนๆสมาชิกช่วยกันขนของที่จะมอบให้กับโรงเรียนลงมารวบรวมไว้ก่อน ที่เหลือก็ทยอยขนของส่วนตัวของตัวเองจับจองพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ในคืนนี้  ซึ่งทางโรงเรียนก็จัดเตรียมพื้นที่ไว้ให้เราอย่างดีเยี่ยมครับ อันนี้ต้องขอขอบคุณ ผอ.โรงเรียนมากๆครับ  อีกด้านทางพ่อครัวแม่ครัวก็เริ่มรังสรรค์อาหารแสนอร่อยไว้สำหรับสมาชิกเรา 50 คน รวมทั้งคุณครูด้วย  ต้องถือว่าอาหารค่ำคืนนี้เป็นมื้อพิเศษอีกมื้อเลยที่เดียว  เราไม่ได้ทานข้าวกลุ่มใหญ่แบบนี้มานานมากๆ ต้องขอขอบคุณทีมงานพ่อครัวแม่ครัวสำหรับอาหารมือพิเศษนี้   หลายๆท่านทานข้าวเสร็จก็แยกย้ายเข้านอน  บางส่วนที่นานๆจะได้มาเจอกันสักครั้ง  ก็มานั่งจับกลุ่มคุยกันตามประสาพี่ๆน้อง  บรรยากาศดีๆแบบนี้  มันก็คุยกันเพลินครับ  แต่ก็ไม่ดึกมาก  เพราะรุ่งเช้าเราต้องมีกิจกรรมกันต่อ


           

           

           


อรุณสวัสดิ์ยามเช้า  บรรยากาศเย็นนิดๆลมพัดหน่อยๆ เพื่อนๆเริ่มโผล่หน้าออกมาจากเต็นท์รับแสงอุ่นๆ พอคลายหนาวได้บ้าง  เช้านี้เราก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากนัก บรรยากาศก็สบายๆ สมาชิกแยกย้ายทำภารกิจส่วนตัว  อาหารเช้าก็ทานกันกลางแดดเลย จากที่อุ่นๆ สายหน่อยก็เริ่มจะร้อนละครับ


       

       


          9 โมงเช้า หลังจากที่สมาชิกเก็บเต็นท์เคลียร์พื้นที่กันเรียบร้อย  กิจกรรมสำคัญของเราในวันนี้ก็คือ มอบสิ่งของต่างๆ ที่ได้รับบริจากมาโดยผู้ใหญ่ใจดีที่อยู่เบื้องหลัง  สมาชิกส่วนหนึ่งแยกย้ายกันจัดสรรสิ่งของที่ได้รับมาเป็นส่วนๆ เพื่อให้ง่ายต่อการรับมอบ  อีกส่วนเข้าครัวเตรียมอาหารกลางวันสำหรับเด็กๆ ระหว่างนี้ทางโรงเรียนก็มีการแสดงเพื่อเป็นการขอบคุณเราด้วย  เป็นการฟ้อนรำ 1 บทเพลง สร้างความสุขและเสียงหัวเราะได้ไม่น้อย

สำหรับสิ่งที่เราจะมอบให้กับทางโรงเรียนและชาวบ้าน หลักๆก็จะมีดังนี้

   - เงินสมทบทุนก่อสร้างห้องสมุด จำนวน 100000 บาท
   - ชั้นวางหนังสือจำนวน 10 ชุด
   - ชุดพละ จำนวน 50 ชุด
   - รองเท้าพละ จำนวน 50 ชุด
   - เสื้อกันหนาวสำหรับนักเรียน จำนวน 50  ชุด



       

       

       

          นอกจากนี้ยังมีสิ่งของอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง เช่น ขนม เสื้อผ้า ข้าวสาร  มอบให้กับชาวบ้านอีกด้วย  อิ่มอกอิ่มใจกันทั่วหน้าครับ ทั้งผู้ให้และผู้รับ  และในระหว่างนี้ในครัวก็กำลังวุ่นกันเลยครับ  ราดหน้าเส้นใหญ่แสนอร่อย  อีกไม่นานก็พร้อมเสริบแล้ว  ผอ.โรงเรียนบอกว่าเด็กๆที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่เคยทานราดหน้ากันสักเท่าไหร่ ก็เป็นของแปลกใหม่พอสมควร  แต่สุดท้ายก็ไม่มีปัญหาครับ ตักกันหมดหม้อเลยที่เดียว  น่าปลื้มใจแทนพ่อครัว


           

           


          เที่ยงกว่าๆ กิจกรรมทั้งหมดก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยครับ ทุกอย่างที่เราตั้งใจไว้ ก็สำเร็จผ่านไปได้ด้วยดี ต้องขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกทุกๆท่าน  ที่ช่วยกันทำกิจกรรมดีๆ ครั้งนี้อย่างเต็มที่  จดจำเรื่องราวอันน่าประทับใจครั้งนี้ไว้  เมื่อเรามาพบกันใหม่ จะได้มีเรื่องเล่าถึงวันวาน..


   


สุดท้ายนี้ กิจกรรมดีๆที่กล่าวมาทั้งหมดมันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าขาดเพื่อนร่วมทางที่ดีและเข้าใจกัน

- ขอบคุณผู้ใจบุญที่อยู่เบื้องหลังทุกๆท่าน
- ขอบคุณสมาชิกร่วมทางทั้ง 50  ชีวิต ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้ลืมความเหงาไปเลย
- ขอบคุณทางท่าน ผอ. และทางโรงเรียนที่อำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่พักแรม
- ขอบคุณเด็กๆและชาวบ้านที่สร้างความสุขให้กันและกัน
- ขอบคุณสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นกับกลุ่มกาลครั้งหนึ่งในครั้งนี้
- ขอบคุณภาพถ่ายบันทึกเรื่องราวจาก อั้ม นัท ตั้ม


คืนแรกเพิ่งผ่านพ้นไป กิจกรรมสำเร็จตามเป้าหมาย แต่การเดินทางของเรายังไม่จบ การเดินทางยังมีต่อ ส่วนจะไปที่ไหน ต้องติดตามกันต่อไป...


หมายเหตุ

โดรนของเราได้ทำการขึ้นทะเบียนกับกสทช. ,ทำประกันแผน B plus กับมิตรแท้ประกันภัยและขึ้นทะเบียนผู้บังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินกับ “ The Civil Aviation Authority of Thailand ”สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท.CAAT แล้ว

5
   
    " น่าน "  นี่คือสถานที่ในใจ ที่เรากลุ่มกาลครั้งหนึ่ง  ตั้งใจรวมตัวกันออกไปท่องเที่ยว พร้อมกับร่วมกันทำกิจกรรมดีๆตอบแทนสังคม ในแบบของกลุ่มกาลครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เราตั้งใจทำกันทุกปีเป็นประจำ  ซึ่งสถานที่เป้าหมายในตอนแรกนั้น เรามุ่งไปที่ อ.บ่อเกลือก่อน แต่ก็ยังไม่สะดวกในหลายๆเรื่อง ไม่เจอกับคุณครู ไม่เจอผู้นำหมู่บ้าน และเส้นทางที่ยากจะเข้าถึงในช่วงเวลาที่เราเข้าไป  เราจึงเปลี่ยนเป้าหมายออกมาในอำเภอติดกัน นั่นคือ อ.ปัว เราได้ทำการติดต่อไปทาง อบต.ปัว ซึ่งก็ได้ข้อมูลที่น่าสนใจ  จึงได้ติดต่อประสานงานเข้าไป พร้อมกับได้เข้าไปพูดคุยกับทางคุณครูที่สอนอยู่ที่นั่น  คุณครูบอกกับพวกเราว่าที่นี่ขาดแคลนทุกๆอย่างเลย  สิ่งของต่างๆที่เราจะเอามาให้นั้น ไม่ว่าจะเป็นอะไร สำหรับที่นี่สำคัญหมดทุกอย่าง  คุณครูแจ้งมาอีกว่าตอนนี้ทางโรงเรียนกำลังหางบประมาณสำหรับก่อสร้างห้องสมุด  ซึ่งก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือ ทางเราในนามกลุ่มกาลครั้งหนึ่ง จึงขออาสาช่วยระดมทุนในการก่อสร้างอาคารห้องสมุดหลังนี้  หลังจากที่พูดคุยกับคุณครูเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เราจึงเดินทางไปที่โรงเรียนกันเลย ซึ่งอย่ห่างจากตัว อ.ปัว ประมาณ 30 กิโลเมตร  ช่วงแรกเป็นทางราดยาง 18 กิโลเมตร และเป็นทางลูกรัง 12 กิโลเมตร คุณครูบอกว่าช่วงหน้าฝนเส้นทางจำลำบากมาก ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น  แต่ในช่วงที่เรามาสำรวจนี้เส้นทางค่อนข้างดีอยู่ครับ  ไม่นานเราก็มาถึงโรงเรียนบ้านกอกจูน วันนี้เป็นวันหยุด เราจึงไม่เจอใครที่นี่ แต่ก็ได้ติดต่อกับคุณครูไว้ทุกอย่างแล้ว และที่นี่ละครับ คือโรงเรียนขาดแคลนที่เรากลุ่มกาลครั้งหนึ่ง จะเป็นตัวกลางที่จะเข้ามาช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้  และเติมเต็มความสุขพร้อมรอยยิ้มในกิจกรรมปลายปีนี้ 

โรงเรียนบ้านกอกจูน  อ.ปัว จ.น่าน ตอนนี้มีอาคารเรียน 1 อาคาร  มีนักเรียนอนุบาล 4-6 ขวบ 12 คน และนักเรียน 7-12 ขวบ 32 คน  มีคุณครูสอน 4 ท่าน  มีประชากรทั้งหมด 164 ครัวเรือน เป็นชาวเขาเผ่าลั๊วะ

หลังจากเดินทางออกจากโรงเรียนบ้านกอกจูน ก่อนกลับเราได้เข้าไปชื่นชมสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ที่อยู่ไม่ไกลจาก อ.ปัว  นั่นคือ สวนยาหลวง อ.ท่าวังผา และได้เก็บบรรยากาศมาฝากกันนิดหน่อยด้วยละครับ...


รายละเอียด สั่งซื้อเสื้อสมทบทุนสร้างอาคารห้องสมุด

กาลครั้งหนึ่งทำดี หลงฮักเมืองน่าน
โรงเรียนบ้านกอกจูน อ.ปัว จ.น่าน
วันที่ 2-4 ธันวาคม 2560


http://www.kanlakang.com/index.php/topic,387.0.html

6
สำรวจโรงเรียน จ.น่าน

ในช่วงเดือน พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา  ทางกลุ่มกาลครั้งหนึ่ง ได้มีโอกาสออกไปสำรวจโรงเรียนขาดแคลน  ซึ่งปีนี้เราได้ปักหมุดไว้ทีจังหวัดน่าน  ทางกลุ่มเน้นท่องเที่ยวและทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ให้แก่สังคมไปพร้อมๆกัน เราได้หาข้อมูลหลักๆไว้ โดนเน้นไปที่ อ.บ่อเกลือ เป็นอันดับแรกๆก่อน เพราะโรงเรียนขาดแคลนจริงๆ และการเข้าถึงค่อนข้างลำบากอยู่ที่นั่น ขุ่นน้ำจอน หมู่บ้านที่ยากในการเข้าถึง รถยนต์ต้อง 4x4 เท่านั้น แล้วยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าฝนด้วยแล้ว 4x4 ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะสามารถเข้าไปถึงได้  แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปขุ่นน้ำจอน เรามีโรงเรียนในเป้าหมายที่น่าสนใจอยู่ 2-3 แห่ง ซึ่งทางเข้านั้นอยู่ไม่ไกลกัน นั่นคือโรงเรียนบ้านห้วยโทน และโรงเรียนบ้านห้วยหมี ซึ่ง 2 โรงเรียนนี้อยู่ในเส้นทางเดียวกัน

การเดินทางช่วงนี้ไม่ยากนัก จากบ่อเกลือใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1081 บ่อเกลือ-เฉลิมพระเกียรติ ไปทางทิศเหนือถึงบ้านสะปัน ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร จะมีทางเลี้ยวขวา ใช้เส้นทางบ้านสปัน-บ้านห้วยโทน ระยะทาง 9 กิโลเมตร  บ้านห้วยโทนกับบ้านห้วยหมีไปทางเดียวกัน แต่จะมีป้ายแยกออกไปอีกที เราเข้าไปห้วยโทนเป็นที่แรก แต่ไม่เจอใครเลย จึงเดินทางออกมาก่อน แล้วมุ่งหน้าไปบ้านห้วยหมีต่อ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก มาถึงที่นี่ก็ไม่พบคุณครู เนื่องจากเป็นวัน ส อ คุณครูลงไปข้างล่าง  เราจึงเดินทางออกมาก่อนเพื่อมุ่งหน้าสู่โรงเรียนเป้าหมายต่อไปนั้นคือ โรงเรียนบ้านขุนน้ำจอน  ออกจากบ้านสปันแล้ว เสี้ยวขวาเส้น 1081 เหมือนเดิมไปสักพักไม่ไกลนัก สังเกตุป้าย หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ นน.26 (บ่อเกลือ) อยู่ทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปทางนั้นเลยครับ เป็นลูกรังประมาณ 11 กิโลเมตร ซึ่งค่อนข้างลำบากมากต้อง 4x4 เลยครับ การเดินทางครั้งนี้เราเข้าไปไม่ถึงครับ เข้าไปได้ 8-9 กิโลเมตร ก็ต้องถอยกลับก่อน เนื่องจากเส้นทางข้างในเริ่มจะมีร่องลึกและลื่นมากๆ บวกกับเริ่มมีเมฆฝนกลัวฝนจะตกลงมา ขากลับจะลำบาก และก็เย็นมากแล้วด้วย ถ้ามืดค่ำกลางป่าน่าจะไม่ดี ครั้งนี้ก็เลยตัดสินใจถอยออกมาก่อน เพื่อว่างแผนกันใหม่

คืนนี้เรานอนพักกันก่อนที่ หน่วยจัดการต้นน้ำขุนว้า อ.บ่อเกลือ เพราะว่าเย็นมากแล้ว และอยู่ไม่ไกลจากปากทางที่ออกมาจากขุนน้ำจอน  พวกเราได้ทำการพูดคุยและวางแผนกันใหม่อีกครั้ง โดยหาข้อมูลเพิ่มเติม และเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ อ. ปัว เราจึงได้ทำการติดต่อไปทาง อบต.ปัว และก็โชคดีมากที่ได้ข้อมูลมาตามที่เราต้องการพอดี  เช้าอีกวันเราจึงเดินไปทาง อ.ปัวทันที...

รายละเอียดการเดินทาง โรงเรียนบ้านกอกจูน อ.ปัว

http://www.kanlakang.com/index.php/topic,388.0.html


7
360 องศา ทุ่งสะวันนา
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ  ตำบลบ่อสลี  อำเภอฮอด  จังหวัดเชียงใหม่



           การเดินทางต่อจากความเดิม   หลังจากที่เราเป็นตัวแทนร่วมกันมอบสิ่งของให้กับทาง ศศช.บ้านยองแหละ  เป็นที่เรียบร้อย  และผ่านไปได้ด้วยดี  ด้วยความเหนื่อยล่าจากการเดินทางที่แสนยาวไกล  เราได้พักเต็มอิ่มที่ หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน หนึ่งคืนซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน  แต่การเดินทางยังไม่จบ และนี่ก็คือการเดินทางต่อของเรา 


     


          ทุ่งสะวันนา ชื่อนี้ฟังดูคุ้นหู   แต่น้อยคนที่จะรู้  แม้กระทั้งสมาชิกผู้ร่วมทาง   ว่ามันถูกแอบซ่อนอยู่ที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ จ.เชียงใหม่   การเดินทางเริ่มน่าสนใจมากขึ้น เมื่อคนนำทางฝีมือดีอย่างน้าหมูของเรา  ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน  เห็นไหมว่ามันน่าสนใจจริงๆ เราดูผ่านเว็บมานิดหน่อยครับ แล้วก็ตัดสินใจมากันที่นี่ เราเชื่อว่าที่นี่มีอะไรดีอย่างแน่นอน แล้วมันก็จริงอย่างที่เราคิด…

           เราเริ่มเดินทางออกตัว อ.อมก๋อย ช่วงบ่ายโมงกว่าๆ และมุ่งหน้าสู่  ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ลัดเลอะไปตามไหล่เขาเช่นเดิม หน่วยเคลื่อนที่เร็วของเรา เดินทางมุ่งหน้าไปก่อน เผื่อสำรวจพื้นที่ในการตั้งแค้มป์คืนนี้  เสียงวิทยุสื่อสารยังคงดังต่อเนื่อง เพื่อรายงานผลเป็นระยะๆ  ผ่านไปไม่นานเป้าหมายเริ่มชัดเจน  เราเจอแล้วทุ่งสะวันนา  “ มันสวยมาก บรรยากาศดีมาก ”  เสียงดังมาจากวิทยุสือสาร  หลังจากเสียงวิทยุจบประโยคนั้น พวกเราเคลื่อนพลตามทันที   เส้นทางก่อนถึงจุดที่เราตั้งแค้มป์ หรือว่า ทุ่งสะวันนานี้  จากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ ระยะทางประมาณ 3-4 กิโลเมตร เป็นทางคอนกรีตเล็กแบบพอดีล้อ และเป็นเนินชันเป็นบางช่วง ต้องใช้รถที่ค่อนข้างสูงหน่อย เช่น รถกระบะ และถ้าเป็น 4Wd ด้วยิ่งดีครับ


          

           อากาศเย็น แสงพระอาทิตย์เริ่มโรยแรงลง และยิ่งโรยแรงลง ความมืดและความหนาวก็เริ่มแทนที่ กองไฟเริ่มถูกจุดขึ้นเพื่อคลายความหนาวเย็น หลังจากทานข้าวเย็นกันเรียบร้อยจากโครงการหลวง กองไฟกองเล็กๆกองนั้นก็กลายเป็นจุดศูนย์รวมของสมาชิก หลายคนทนตวามหนาวเย็นไม่ไหวก็ทยอยหลบเข้าเต็นท์ ส่วนใครทนไหวและอยากสัมผัสอากาศหนาวๆ ที่ไม่ง่ายนักจะได้สัมผัส  คืนนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง นั่งเงิยหน้ามองท้องฟ้า ดวงดาวระยิบระยับเต็มไปหมด ยิ่งดูยิ่งเพลินตา


               


          อรุณสวัสดิ์ยามเช้า " ทุ่งสะวันนา " เช้านี้น้ำค้างลงจัด และหมอกหนาฟุ้ง แต่หลังจากนั้นไม่นานหมอกฟุ้งเหล่านั้นก็เริ่มจากหายไป กลายเป็นทะเลหมอกที่สวยงามอยู่ตามหุบเขา อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ไว้นานๆ


               

               

               

               


          ก่อนกลับวันนี้ เจ้าหน้าที่โครงการหลวง ได้พาพวกเราไปเยี่ยมชมแปลงผักของโครงการ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก ไม่รอช้าคุณกิ่ง เจ้าหน้าที่โครงการก็หยิบกุญแจรถกระบะโฟลวิล เห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ฝีมือการขับไม่ธรรมดาเลยที่เดียว เส้นทางเข้าไปในส่วนของแปลงผักเป็นเส้นทางลูกรังเล็กๆ ลัดไปตามไหล่เขา ไม่นานก็มาถึง คุณกิ่งก็เล่าเรื่องประวัตินิดหน่อยให้พวกเราฟัง ก่อนที่จะเข้าไปเยี่ยมชมแปลงผักถึงในโรงเรือน  ไม่ง่ายครับกว่าโครงการหลวงในพระราชดำริของในหลวง จะประสมความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้  จากการทำไร่เลื่อนลอย พื้นที่ปลูกฝิ่น มาสู่เกษตรแนวใหม่ที่ทำให้พื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ และชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  วันนี้เจ้าหน้าที่ใจดีเอาผักสลัดสดๆมาให้พวกเราได้ลองชิมด้วยละครับ


               

               


การเดินทาง

จาก อ.ฮอด  ใช้ถนนหมายเลข 108  เส้นทางถนนฮอด-แม่สะเรียง  ผ่านออบหลวง  สวนสนบ่อแก้ว ประมาณ 50 กว่ากิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาถนนหมายเลข 1270  บ้านกองลอย-แม่โถ ผ่าน อช.แม่โถ ประมาณ 16 กิโลเมตร  ทางเข้าจะเลยหมู่บ้านแม่โถไป อยู่ทางซ้ายมือเป็นทางโค้งพอดี ป้ายจะอยู่ทางขวามือ ต้องสังเกตุดีๆครับ เพราะส่วนใหญ่เห็นป้ายก็เลยซะแล้ว  เส้นทางไปทุ่งสะวันนาจากโครงการหลวงต้องใช้รถกระบะ ถ้าเป็น 4WD ได้ยิ่งดีครับ เป็นทางคอนกรีตพอดีล้อ เป็นบางช่วง ระยะทางประมาณ 3-4 กิโลเมตร ก็จะถึงลานทุ่งหญ้าสะวันนา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ  ตำบลบ่อสลี  อำเภอฮอด  จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 088-434-4902

8
กิจกรรม "กาลครั้งหนึ่งทำดี ณ อมก๋อย"
ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง บ้านยองแหละ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
วันที่ 3-5 ธันวาคม 2559



          กิจกรรม "กาลครั้งหนึ่งทำดี" เป็นกิจกรรมครั้งที่ 2 ของเรา ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ และผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้กิจกรรมจะจบไปแล้ว แต่ผมเชื่อว่าความสุข และความประทับใจที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น  มันยังคงอยู่ในมุมหนึ่งของความคิด  เริ่มตั้งแต่การเดินทางจนไปถึงจุดหมาย ด้วยระยะทางร่วม 800 กิโลเมตร กับเวลาร่วม 16 ชั่วโมง  กว่าจะถึงจุดหมาย  ฝั่งหนึ่งเฝ้ารออย่างมีความหวัง อีกฝั่งก็ตั้งใจไปให้ถึง โดยหวังที่จะมอบและแบ่งปันความสุขที่เราพอมีและพอทำได้ "เราเชื่อว่าการแบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่เราพอมี มันจะเติมเต็มความสุขให้กับ  เขาและเรา "   แม้ในวันนี้เราจะถึงจุดหมายปลายทางช้ากว่ากำหนด  ด้วยเส้นทางและปัจจัยอื่นๆ ที่ยากจะควบคุม  แต่เรื่องราวดีๆ กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

          อมก๋อย คืออำเภอปลายทางของเรา และเมื่อเอ่ยถึงที่นี่ หลายคนจะนึกถึงความลำบาก ความขาดแคลน อาจด้วยเส้นทางที่ยากจะเข้าถึง และปัจจัยอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความห่างไกลและความยากลำบากของที่นี่  อมก๋อย ยังคงแฝงไว้ด้วยความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งที่ต้องเดินทางด้วยเท้า และการเดินทางด้วยรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ  นั่นทำให้เรารู้สึกว่า เราอยากมาที่นี่ การเดินทางสำรวจพื้นที่จึงเกิดขึ้น  เราเดินทางไปหลายที่ จนไปพบกับ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง บ้านยองแหละ และได้พูดคุยกับคุณครู ทำให้รู้ว่าที่นี่ขาดแคลนสิ่งจำเป็นหลายอย่าง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นทางเราก็พอที่จะช่วยเหลือได้  จึงเป็นที่มาของกิจกรรมของเราในครั้งนี้  และไม่ไกลนักจากที่นี่ ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกด้วย  ซึ่งถ้าเป็นนักท่องเที่ยวแนวออฟโรดต้องรู้จักดีแน่นอน นั้นคือ หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน หลังจากทำกิจกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแห่งนี้กันครับ

          ค่ำคืนวันที่ 2 ธันวาคม 2559 ค่ำคืนที่หลายๆคน  มุ่งหน้าออกต่างจังหวัดเช่นกันไม่ต่างจากเรา และถึงแม้จะเป็นการเดินทางในช่วงเวลาดึก แต่รถราก็ยังคงหนาแน่น  พวกเรานัดรวมพลกันบริเวณปั้มน้ำมันชื่อดังแห่งหนึ่ง แถวๆบางปะหัน จ.อยุธยา การเดินทางครั้งนี้สมาชิกค่อนข้างมากเป็นพิเศษ ร่วมๆ 60 คน พร้อมกับรถยนต์ 15 คัน  ไม่นานสมาชิกก็เริ่มทยอยกันมาเรื่อยๆ หลังกระบะแต่ละคันเต็มไปด้วยสิ่งของที่พร้อมจะนำไปแบ่งปัน ประมาณเที่ยงคืนสมาชิกก็มากันครบ และพร้อมที่จะออกเดินทางกันจนตัวสั่นแล้ว น้าหมู โครงการหลวง นำขบวนเลยจร้าๆ


        


          การเดินทางร่วม 5 ชั่วโมงกับระยะทาง 400 กว่ากิโลเมตร จากอยุธยา เช้านี้เราอยู่ที่ อ.เถิน พวกเราแวะทานข้าวเช้ากันที่นี่ และพลขับได้ยืดเส้นยืดสายให้หายง่วง เพราะการเดินทางยังอีกยาวไกลนัก จากตรงนี้จะเป็นเส้นทางลัดเลาะไปตามไหล่เขาผ่านโค้งลาดชัน และคับแคบ ชวนให้เวียนหัว ใครเมารถควรอัดยาตั้งแต่ตัวอำเภอเถินเลยครับ   การเดินทางต้องใช้ความระมัดระวังกันเป็นพิเศษ  วิทยุสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เสียงวิทยุดังขึ้นตลอดการเดินทาง คอยแจ้งให้กับสมาชิกที่อยู่ด้านหลัง  ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น กว่าจะหลุดเส้นทางตรงนี้ไป ทำเอาสมาชิกหลายๆท่านหน้าซีดกันเลยทีเดียว  เรามุ่งหน้าสู่ อ.ลี้ ทะเลสาบดอยเต่า และแวะพักที่ตัวอำเภอฮอดกันอีกครั้ง  ช่วงการเดินทางตรงจุดนี้ก่อนถึง อ.ฮอด มีรถเพื่อนสมาชิก 1 คัน มีปัญหาขัดข้องนิดหน่อยกับระบบคลัตซ์  แต่จะว่าไปก็ไม่หน่อยหละครับ ถึงกับต้องยกคลัตซ์กันเลยทีเดียว ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงซึ่งอาจจะทำให้การเดินทางสู่บ้านยองแหละล่าช้ากว่าที่กำหนด สมาชิกคนอื่นๆ จึงเดินทางล่วงหน้ากันไปก่อน แล้วให้น้ากมลเดินทางตามไปทีหลัง เราเข้าใจกัน การเดินทางจึงดำเนินการไปต่อ ขอบคุณน้ากมลที่เข้าใจ ... (แล้วเรื่องน่าตื่นเต้นของน้ากมลก็เกิดขึ้น... มันมืดตึ้บ  อ้างว้าง  และน่ากลัว  น้ากมลได้กล่าวไว้ )



     



         เดินทางกันต่อครับ เรามุ่งหน้าสู่ อ.อมก๋อยกันเลย จากตรงนี้ก็อีกประมาณ 120 กิโลเมตร ลัดเลาะไปตามไหล่เขาตามทางริมแม่น้ำ ผ่าน ออบหลวง และสวนสนบ่อแก้ว จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ อ.อมก๋อย ประมาณบ่ายโมงก็มาถึงตัวอำเภอ แวะซื้อเสบียงกันที่นี่อีกครั้งแล้วก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่บ้านยองแหละ จากตรงนี้ก็เกือบๆ 30 กิโลเมตร เป็นทางลูกรังแล้วครับ เส้นทางต่างจากตอนมาสำรวจมากทีเดียว อาจเป็นเพราะเพิ่งผ่านช่วงหน้าฝนมาใหม่ๆ ร่องถนนค่อนข้างลึกถึงลึกมากๆ ต้องค่อยๆไต่ระดับอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่รถสมาชิกในครั้งนี้ก็เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเกือบทุกคัน มีหลงขับ 2 มาหนึ่งคัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ ด้วยทักษะของผู้ขับและกำลังของรถ  ทำให้อุปสรรคตรงนั้นสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย บางครั้งเขาว่า เสน่ห์ของการเดินทางคือการหลงทาง  น้าหมูไม่เคยทำให้เสน่ห์นั้นจางหาย  เกิดความไม่แน่ใจกับเส้นทางที่ดูแปลกตาไป ทั้งๆที่เคยผ่านมาแล้ว ผมเองก็เช่นกัน แต่ก็ผ่านไปได้ครับ มันเป็นสีสันเล็กๆของน้าหมูครับ และอย่างที่บอกไว้ข้างต้น เส้นทางค่อนข้างลำบากบวกกับรถในขบวนค่อนข้างเยอะร่วม 15 คัน ทำให้การเดินทางล่าช้าไปมากๆ  กว่า 3 ชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึง  ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง บ้านยองแหละ  ตอนนี้เกือบๆห้าโมงเย็นครับ คุณครู ชาวบ้าน และเด็กๆมารอเราตั้งแต่บ่ายโมงแล้ว ต่างคนต่างดีใจทั้งผู้รอ และผู้ไปหา



               



         สมาชิกที่เดินทางมาถึงก่อน เริ่มทยอยขนของลงจากรถ พร้อมที่จะมอบให้กับชาวบ้านและเด็กๆ  สิ่งของบางอย่างได้ทำการขนส่งขึ้นมาก่อนแล้ว เช่น โต๊ะเก้าอี้นักเรียนจำนวน 35 ชุด โดยการประสานงานกับทางคุณครูไว้ล่วงหน้า  สิ่งของต่างๆที่เรานำมาในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ทาง ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง บ้านยองแหละ  ขาดแคลนและต้องการใช้จริงๆ หลักๆก็จะเป็น  อุปกรณ์ในห้องครัว เครื่องปั่นไฟฟ้า ชุดเครื่องขยายเสียงพร้อมไมโครโฟน สำหรับประชุมหมู่บ้าน โต๊ะและเก้าอี้นักเรียน ชุดพละพร้อมรองเท้า  ชุดยาสามัญประจำบ้าน  เครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ และสิ่งของอีกมากมาย  ที่เหล่าสมาชิกได้ร่วมกันจัดซื้อมามอบให้กับ ศศช. บ้านยองแหละ เราใช้เวลาอยู่ที่บ้านยองแหละประมาณ 1 ชั่วโมง กับการมอบสิ่งของให้กับทาง ศศช.บ้านยองแหละ โดยมีคุณครูเป็นตัวแทนรับมอบ ยารักษาโรคให้กับชาวบ้าน  สมาชิกส่วนหนึ่งแจกขนมให้กับเด็กๆ ก่อนที่จะมารับชุดพละพร้อมกับรองเท้าคนละชุด บอกเลยว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้มทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้รับและผู้ให้  ทางกลุ่มต้องขอบคุณผู้ใจบุญทุกๆท่าน ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ที่เป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งปันและมอบความสุขในครั้งนี้

          เราอยากอยู่ที่นี่ต่อครับ ตอนนี้ก็เย็นมาก เกือบจะ 6 โมงเย็นแล้ว พระอาทิตย์ใกล้ลับของฟ้า เราจึงต้องรีบเดินทางต่อ เนื่องจากความมืดจะเป็นอุปสรรคและทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น คืนนี้เราไปนอนกันที่ หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน ซึ่งอยู่ห่างจาก ศศช.บ้านยองแหละประมาณ 10 กิโลเมตร  (ย้อนกลับไปทางเดิมที่เรามานั่นแหละครับ)



          

          


          เดินทางไปสักพักแสงสว่างจากฟ้าเริ่มหายไป และแทนด้วยแสงไฟจากรถพวกเรา สมาชิกเกาะกลุ่มกันไปไม่ห่างเหมือนตอนมา เสียงวิทยุยังคงดังขึ้นตลอดการเดินทาง และในระหว่างนั้นเสียงวิทยุจากน้ากลมก็แทรกเข้ามา  สมาชิกส่วนหนึ่งดักรอน้ากลมและสื่อสารด้วยวิทยุตลอดเวลา อีกส่วนเดินทางล่วงหน้าไปก่อน เพื่อทำการจัดเตรียมอาหารและตั้งแคมป์ เนื่องจากมาถึงหน่วยก็มืดซะแล้ว  เลยทุลักทุเลไปหน่อย แถมอากาศก็หนาวมากด้วย

          ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น รอบข้างตัวเรามืดสนิท เนื่องจากที่หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโนไม่มีไฟฟ้า เราจึงต้องจัดเตรียมในเรื่องของแสงสว่างกันเอง  ไม่นานนักแสงสว่างก็เข้าแทนที่ความมืด ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย  มืดๆมันวังเวงชอบกล  สมาชิกส่วนหนึ่งเริ่มจับจองพื้นที่กางเต็นท์  เหล่าพ่อครัวแม่ครัวก็เริ่มรังสรรค์อาหารมื้อค่ำท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น  เสียงวิทยุยังคงดังอยู่เรื่อยๆครับจากน้ากมล  ไม่นานนักน้ากมลก็มาถึง สีหน้าดูสบายใจขึ้นเมื่อมาสมทบกับพวกเราที่นี่  หลังจากทานข้าวกันเรียบร้อย สมาชิกหลายท่านก็เริ่มทยอยเข้านอน เพราะด้วยอากาศที่ค่อนข้างหนาว และความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง หลายท่านที่ยังคงมีเรี่ยวแรงก็นั่งจับกลุ่มพูดคุยกันไป แต่ผมขอตัวไปนอนก่อนหละครับ ฝันดีราตรีสวัสดิ์ ใครเจออะไรก็ไว้เล่ากันตอนเช้านะครับ..



          



         14 องศา อรุณสวัสดิ์ยามเช้า เมื่อคืนน้ำค้างคงแรงเอามากๆ ความรู้สึกเหมือนฝนตกเลย พื้นดินพื้นหญ้าเปียกไปหมด ม่านหมอกยังคงปกคลุมอย่างหนาแน่น ดูสวยงามไปอีกแบบ  บรรยากาศดีและสดชื่นเอามากๆ สมาชิกเริ่มออกมาจากเต็นท์ เหมือนลูกนกออกจากรัง เพื่อรับกลิ่นไอของธรรมชาติที่คงหาไม่ได้จากเมืองหลวง เมื่อสัมผัสบรรยากาศกันเต็มที่แล้ว สมาชิกก็เริ่มเรียกหาพ่อครัวแม่ครัวกันอย่างพร้อมเพียง ไม่นานเหล่าสมาชิกก็เริ่มช่วยกันรังสรรค์อาหารมื้อเช้า ดูน่ากินทั้งนั้น



               


        เช้าวันนี้หมอกหนาจริงๆครับ  มองไม่เห็นจุดชมวิวเลย เสียดายมากๆที่เราไม่ได้เจอทะเลหมอกจากจุดชมวิวห้วยจิโน ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นดวงโตๆ ไม่ได้สัมผัสแสงอุ่นๆยามเช้า แต่ก็ไม่เป็นไรครับ แค่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้ก็สดชื่นแล้ว  ช่วงสายๆเราก็เริ่มทยอยเก็บเต็นท์กัน  แต่ด้วยแรงน้ำค้างจากเมื่อคืน  เต็นท์ทุกหลังยังคงเปียกชื้น แต่ไม่เป็นไรเก็บไปก่อน  เดี๋ยวเย็นนี้ก็ได้ใช้อีกครั้ง


               



           การเดินทางของเรายังคงมีต่ออีกหนึ่งคืน แต่ว่าจะเป็นที่ไหนนั้น รอติดตามในกระทู้ต่อไปแล้วกันครับ รับรองว่าสวยประทับใจแน่นนอน และอยู่ไม่ไกลจาก อ.อมก๋อย มากนัก งั้นเราเดินทางออกไปตั้งหลักที่ตัวอำเภออมก๋อยกันก่อนละกันครับ...

ต่อภาค 2 ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ : http://www.kanlakang.com/index.php/topic,384.0.html
   
 

กิจกรรมดีๆเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยครับ ถ้าขาดเพื่อนร่วมทางที่ดีและเข้าใจกัน

ขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกร่วมทางทั้ง 60 ท่าน  ที่สละเวลามาน่วมสร้างความสุขร่วมกัน
ขอบคุณพลขับทั้ง 15 ท่านที่นำพาพวกเรามาถึงจุดหมาย
ขอบคุณผู้ใจบุญที่อยู่เบื้องหลังทุกๆท่าน
ขอบคุณหน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน สำหรับที่พักพิง
ขอบคุณกลุ่มกาลครั้งหนึ่งที่ทำให้พวกเราได้มาพบกัน
ขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในกิจกรรมครั้งนี้


การเดินทาง

ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง บ้านยองแหละ

จากจังหวัดตาก ให้ใช้เส้นทาง อ.เถิน อ.ลี้  มุ่งหน้า อ.ดอยเต่า อ.ฮอด เข้าสู่ถนนเส้น 108 ผ่านออบหลวง และสวนสนบ่อแก้ว จากนั้นจะมีทางแยกซ้ายเข้าสู่ อ.อมก๋อย เมื่อถึงตัวอำเภอแล้วจะเจอสี่แยก ให้เลี้ยวขวาลอดซุ้มไปทางบ้านนาเกียน เป็นถนนคอนกรีต จากนั้นขับตามทางไปเรื่อยๆ ทางเข้าจะมี 2 ทางครับ ทางแรกเข้าทางบ้านขุนตื่น แต่เราจะเข้าอีกทางครับ จะเลยแยกนี้ไปสักหน่อย ไปทางบ้านนาเกียน จะมีแยกซ้ายมือมีป้ายบอกไปห้วยจิโน เข้าไปสักพักก็จะเจอทางแยกซ้ายอีกทีครับ มีป้ายบอกไปบ้านห้วยจิโน 18 กิโลเมตร เป็นทางลูกรัง จากบ้านห้วยจิโจไปบ้านยองแหละอีก 8 กิโลเมตรครับ ก็จะถึง ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง บ้านยองแหละ

ติดต่อครูเอ๋ 089-554-1576


หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน

ก่อนถึงบ้านห้วยจิโน จะมีแยกซ้ายเข้าหมู่บ้าน ให้เราออกขวาไปก็จะถึง หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน ครับ
เบอร์ติดต่อ 093-141-8165


การเดินทางยังคงมีต่อในกระทู้ถัดไป...


         

         

       

9
สรุปผล กิจกรรมกาลครั้งหนึ่งทำดี ณ อมก๋อย





กิจกรรม "กาลครั้งหนึ่งทำดี ณ อมก๋อย"
ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง บ้านยองแหละ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
วันที่ 3-5 ธันวาคม 2559


          ในที่สุดกิจกรรม กาลครั้งหนึ่งทำดี ก็ประสบความสำเร็จและผ่านไปได้ด้วยดี แต่ถึงแม้ช่วงเวลาเหล่านั้นจะผ่านไปแล้ว เราก็เชื่อว่าความสุขที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นมันจะไม่ผ่านไปไหน มันยังคงอยู่ในมุมหนึ่งของความคิด  เริ่มตั้งแต่การเดินทางจนไปถึงจุดหมาย ด้วยระยะทางร่วม 700 กิโลเมตร กับเวลาร่วม 16 ชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมาย อีกฝั่งหนึ่งตั้งใจรออย่างมีความสุขและความหวัง อีกฝั่งโดยเราก็ตั้งใจรีบไปให้ถึงอย่างมีความสุขและความหวังเช่นกัน  แม้ถึงจุดหมายปลายทางช้ากว่ากำหนด ด้วยเส้นทางที่ยากจะควบคุม แต่มีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นในนั้นมากมาย ...

           กิจกรรมครั้งนี้เป็นกิจกรรมมอบสิ่งของที่ทาง ศศช. บ้านยองแหละ ขาดแคลนและต้องการใช้จริงๆ หลักๆก็จะเป็น  อุปกรณ์ในห้องครัว เครื่องปั่นไฟฟ้า ชุดเครื่องขยายเสียงพร้อมไมล์ สำหรับประชุมหมู่บ้าน  โต๊ะและเก้าอี้นักเรียน ชุดพละพร้อมรองเท้า  ชุดยาสามัญประจำบ้าน  เครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ และสิ่งของอีกมากมาย  ที่เหล่าสมาชิกได้ร่วมกันจัดซื้อมามอบให้กับ ศศช. บ้านยองแหละ 
           
           ทางกลุ่มกาลครั้งหนึ่ง ขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกๆท่าน  ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่มีความคิดมีจิตใจที่อยากจะให้  อยากเห็นผู้รับมีร้อยยิ้มและมีความสุข "เราเชื่อว่าการแบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่เราพอมี มันจะเติมเต็มความสุขให้กับ  เขาและเรา "


รายนามผู้สนับสนุน

http://www.kanlakang.com/index.php/topic,360.0.html

10
สนามแข่งออฟโรด..บ่อดินสามโคก ปทุมธานี


ทริปอยากเจอเพื่อน ในช่วงวันหยุดต่างคนก็ต่างหากิจกรรมทำกัน แต่ละคนแตกต่างกันไป ครั้งนี้เรานัดเพื่อนที่ชอบอะไรที่คล้ายๆกัน ไม่มีอะไรมาก แค่อยากเจอเพื่อน และหาอะไรทำกันนิดหน่อย บ่อดินสามโคก คือที่ ที่เรามารวมตัวกันในครั้งนี้ ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็ทำให้เราสนุกสนานกันมากแล้ว เลยเก็บภาพมาฝากกันนิดหน่อยครับ เอาไว้ไปเจอกันอีกครับ..





11
กาลครั้งหนึ่ง ออฟโรด / บ่อดิน หนองจอก
« เมื่อ: สิงหาคม 18, 2016, 10:46:34 am »
ออกกำลังเกียร์.. บ่อดินหนองจอก


บ่อดินหนองจอก ถือว่าเป็นสนามในการฝึกหัดขับรถแนวออฟโรดได้ดีเลยที่เดียวครับ  เราเองและเพื่อนๆได้มีโอกาสได้ไปลองสัมผัสมาในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา  วันที่มาคนค่อยข้างน้อยครับแรกๆก็มีแค่เรา 3-4 คัน ก็เลยได้ลองกันนานหน่อย บรรยากาศสนามดูเหมือนไม่ค่อยมีรถมาลุยมากนักครับ ยังไงถ้าเพื่อนๆมีเวลา ลองแวะมาเทสๆดูกันนะครับ  มีให้ลองค่อนข้างหลากหลาย  ทั้งเนินชัน เนินเอียง ร่องน้ำ ร่องโคลน   การเดินทางไปก็ตามชื่อเลยครับ  หนองจอก ถนนประชาร่วมใจ เลยซอย 73 ไป พอลงจากสะพาน ให้สังเกตุปากทางเข้าจะมีเซเว่น เข้าทางเดียวกันกับ เรือนแพ ฟิชชิ่ง ปาร์ค


12
แม่น้ำน้อย อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี





          เมื่อเราพูดถึงจังหวัดกาญจนบุรี ผมเชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักกันอย่างดี เพราะที่นี่ขึ้นเชื่ออยู่แล้วในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวมากมาย และประวัติศาสตร์ต่างๆที่ลือลั่นมาช้านาน  ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลาย  สามารถสะกดจิตให้ผู้คนหลังไหลเดินทางมาสัมผัสได้ตลอดทั้งปี   ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่โอบกอดด้วยป่าเขาอันกว้างใหญ่  และตั้งอยู่ไม่ไกลมากนักจากกรุงเทพ  กาญจนบุรีจึงเป็นที่แรกๆที่หลายคนนึกถึง   พวกเราเองก็เช่นกัน  “เริ่มรู้สึกได้กลิ่นไอของป่าเขาขึ้นมาแล้วสิครับ”

ในการเดินทางครั้งนี้นอกจากเราจะเดินทางไปแม่น้ำน้อยแล้ว  เรายังได้เตรียมสิ่งของต่างๆ ทั้งขนม อุปกรณ์การเรียนต่างๆ ไปมอบให้กับเด็กๆที่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนวัดสุธาสินี ต.บองตี้ อ.ไทรโยค และถวายเทียนเข้าพรรษา  พร้อมสิ่งของบางส่วนให้กับทางวัดป่าแม่น้ำน้อยด้วย  ก่อนที่เราจะเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศตั้งแค้มป์ริมแม่น้ำน้อยกลางป่าลึก  ลองนึกภาพตามกันเลย  เพราะเรากำลังจะเริ่มออกเดินทางกันแล้ว

กลางดึกคืนวันศุกร์ที่ 1/7/59  พวกเราสมาชิก 24 คน กับปีกนก 10 ตัว ได้รวมตัวกันก่อนที่ปั้มแห่งหนึ่งแถวนครชัยศรี จ.นครปฐม  และก็มีนัดเจอกันที่ไทรโยคอีก 4 ท่าน พร้อมรถอีก 2 คัน  ช่วงนี้ก็กำลังเข้าหน้าฝนพอดี ระหว่างรอสมาชิกฝนก็เทลงมาเรื่อยๆเลย  ประมาณเที่ยงคืนตีหนึ่งสมาชิกเราก็มาพร้อมกันแล้ว  พูดคุยแนะนำเส้นทางกันสักพักเราก็เริ่มออกเดินทางสู่ไทรโยคกันเลย  ถึงก่อนไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปแวะพักนอนกันที่ปั้มไทรโยคกันก่อน

อรุณสวัสดิ์ยามเช้า  สมาชิกค่อยๆออกมาจากรถที่ละคนสองคนเพื่อทำภารกิจส่วนตัว ไม่นานสมาชิกทุกคนก็พร้อมออกเดินทางต่อ ในช่วงเช้านี้เราจะต้องนำสิ่งของต่างๆที่รับบริจาคมาไปมอบให้กับเด็กๆที่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนวัดสุธาสินี นั้นคือภารกิจหลัก  แต่ก่อนไปโรงเรียนเราขอแวะทานข้าวเช้า  และซื้อเสบียงเพิ่มเติมกันก่อนในตัวอำเภอไทรโยค  และอย่างที่เราบอกไว้ข้างต้นว่าเมืองกาญนี้แหล่งท่องเที่ยวเยอะเหลือเกินครับ  ไม่ไกลจากที่เราทานข้าวมากนัก ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อที่อยากแนะนำเพื่อนๆให้ลองมาสัมผัสกันครับ  นั้นคือ ถ้ำกระแซ ตรงนี้จะเป็นจุดชมวิวที่มีรถไฟวิ่งผ่านริมหน้าผา และอีกฝั่งก็จะเป็นแม่น้ำแคว  บอกเลยว่าต้องประทับใจ  ถ้ามาเมืองกาญ ใครไม่มาดูมาเห็นเองกับตา  ถือว่าพลาดครับ  ตรงนี้ต้องขอบคุณน้าหมูที่ร้องไห้งอแงอยากมาเห็นครับ  เลยทำให้พวกเราได้ชื่นชมไฮไลท์สำคัญของเมืองกาญ


   


เอาละครับรู้สึกตอนนี้เริ่มสายแล้วละครับ  เราคงต้องออกเดินทางมุ่งหน้าไปโรงเรียนกันสักที ซึ่งโรงเรียนก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนักครับ  สัก 20 กว่ากิโลได้  ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงโรงเรียน  เด็กๆและคุณครูมารอเราอยู่แล้วครับ  ไม่รอช้าสมาชิกเริ่มทะยอยขนของต่างๆ ลงจากรถทีละคันๆ จนหมดและพร้อมที่จะมอบให้กับน้องๆแล้ว  สิ่งของที่เรานำมาก็จะเป็นพวก  อุปกรณ์การเรียนต่างๆครับ  อาหารแห้ง  ขนม  ยารักษาโรค ตุ๊กตา  ฯลฯ  ของเหล่านี้อาจจะไม่ได้มากมายนัก  แตพวกเราก็เต็มใจมามอบให้น้องเต็มที่ครับ หวังว่าเด็กๆคงชอบกันนะ  ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกๆท่านเลยนะครับ  ที่ร่วมกันสมทบทุนในการมามอบของให้กับเด็กๆในครั้งนี้ โดนเฉพาะน้องต้น น้องนัท พร้อมเพื่อนๆที่เป็นแกนหลักในการบริจาคของในกิจกรรมครั้งนี้  ก่อนกลับลาจากกัน  ก็ขอเก็บภาพหมู่กับน้องๆและคุณครูไว้ดูยามเหงากันสักหน่อยครับ เอ้าๆ 1 2 3  แซ๊ะ...



   

   

 

ตอนนี้สิบเอ็ดโมงกว่าๆได้ กิจกรรมต่อไปของเราก็คือถวายเทียนพรรษา  ที่  "วัดป่าแม่น้ำน้อย"  ครับ  จากตรงนี้ไปก็คงใช้เวลาอีกสักพักใหญ่  เนวิเกเตอร์ หมูร้อยโลเช็คเส้นทางแล้ว  น่าจะไม่มีปัญหามากนัก  น่าจะพอๆๆดึงๆกันได้  แล้วก็มีดึงกันจริงๆ เนื่องจากรอน้องอั้มเป็นยางธรรมดา บวกกับดินค่อนข้างแข็งและลื่น  งานนี้เลยต้องมีฉุดกระชากลากดึงกันนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ เนินนี้เป็นการเตือนเบาๆว่า กลับไปจากทริปนี้ต้องทำอะไรสักอย่างกับสหายคันนี้แล้วละ  เรามาถึงวัดเกือบๆบ่ายสองโมง  วันนี้ไม่มีพระจำวัดอยู่เลย  เราจึงฝากของต่างๆ ไว้กับลูกศิษย์วัดไว้  แล้วก็ไหว้พระสวดมนต์กันนิดหน่อยเพื่อเป็นศิริลงคลแก่พวกเราทุกคน 


   

   



เราอยู่ที่วัดนี้กันประมาณสักครึ่งชั่วโมง  ก็เตรียมตัวเดินทางออกจากวัด เพื่อไปจุดแค้มป์ของเรากัน  ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากวัดมากนัก ขับออกไปทางเดิมครับ แต่การกลับออกไปรู้สึกว่าจะไม่ง่ายเหมือนตอนเข้ามาแล้วสิครับ  เจอดินหนังหมูเข้าให้ ยางเดิมๆ เรียบร้อยครับจอดสนิทที่เนินนี้  บางคันก็ขึ้นไปได้หลายคันอยู่ครับ  เราจึงเปลี่ยนเส้นทางสำหรับรถบางคันที่ยังไม่ได้ขึ้นมา  ย้อนกลับไปนิดหน่อยจะมีแยกไปอีกเส้นทางหนึ่ง  มีชาวบ้านแนะนำเรามา  รถที่อยู่ด้านล่างจึงแยกไปด้านนั้น ซึ่งทางนี้ไม่ยากมากครับ ยางเดิมๆผ่านได้สบายๆ แต่ต้องเป็น  4x4 นะครับ มีผ่านธารน้ำด้วย ไม่นานเราก็มาถึงจุดนัดพบซึ่งทีมผมที่มาทางลัดถึงก่อนและรออยู่พักใหญ่  อีกทางที่นำโดยน้าหมูก็ยังไม่มาถึง  เสียงวิทยุสื่อสารทำให้เรารู้ว่าอีกทีมเหมือนจะงานเข้า เรานำทีมเข้าไปดู ไม่นานก็เจออีกทีมกำลังเล่นสนุกกันเลยครับ  หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส่  ตรงนี้เป็นช่วงที่ 2 เส้นทางค่อนข้างลื่น รถไหลออกนอกไลท์กันทุกคัน  จึงต้องออกแรงกันหน่อยช่วยประคองพอถึงจุดปลอดภัยจึงค่อยเร่งกำลังขึ้นเนินไป  และก็สามารถผ่านไปได้ทุกคันแต่ก็จะเหนื่อยกันหน่อย กว่าจะหลุดออกมาได้ใช้เวลาไปเกือบ 3 ชั่วโมงกับระยะทางเพียง 2 กิโลเมตร   ถึงตอนนี้แล้ว  ใครจะอัปอะไรก็รีบทำนะครับ


   

   



แค้มป์เราต้องข้ามน้ำ 2 ธารครับ จากปากทางเข้าวัด เลี้ยวขวาออกมานิดเดียวก็จะเจอธารแรก  พอข้ามธารแรกก็วิ่งออกไปทางซ้าย  ไม่ไกลก็จะเจออีก 1 ธาร ขึ้นไปอีกนิดเดียวก็ถึงแค้มป์ของเราในคืนนี้.. ตอนนี้เราถึงแค้มป์กันสักพักแล้วครับ  "แต่เอ๊ะ"  รถเรามีกันกี่คัน?   หันซ้าย  หันขวา  เหมือนมันจะขาดๆหายๆไปคันนึงรึป่าว  เอาแล้วไง วุ่นเลยที่นี้  แต่ยังโชคดีที่ผมเปิดวิทยุสื่อสารไว้  เพื่อนเราคันนี้ก็คงอยู่ไม่ไกลจากเรานี้และครับ  ผมจึงอาสาออกไปตามเอง  แล้วเราก็ไปเจอคันนั้นจอดเหงาอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ธารแรก  กับเวลาเย็นๆแบบนี้น้องก๊อปคงชิลหน้าดู 555   ส่งสัญญาณให้น้องก๊อปขับข้ามมา และก็ตามมาสมทบที่แค้มป์จนครบทุกคันและทุกคน  เรามาถึงค่อนข้างช้าเพราะผิดแผนไปหน่อยจากการเดินทาง  คงต้องรีบตั้งแค้มป์กันหน่อย  เหล่าพ่อบ้านก็จัดการกางเต็นท์เรื่องที่พัก  ส่วนแม่บ้านก็จัดแจงรังสรรค์เรื่องอาหารการกิน  มื่อนี้คงเป็นมื้อที่อร่อยอีกมื้อแน่ๆ เพราะทริปนี้เราได้แม่ครัวแสนสวย และตัวพ่อครัวมือดีนำโดยพี่วุฒิ  บอกเลยว่าเด็ดทุกเมนู (ว่าแต่สูตรในขวดกลมนั้นมันมีอะไรมั้งนะ  ช่างหอมหวนเหลือเกิน)


   

   



แค้มป์เราครั้งนี้ค่อนข้างดีเลยที่เดียวครับ  เพราะตั้งติดแม่น้ำน้อยเลย  เอาละ  เหนื่อยกันมาพอสมควร มานั่งดื่มด่ำแช่น้ำเย็นๆ ให้สบายใจกันดีกว่า  ปิ่งยางกันริมแม่น้ำเลย  ความสุขแบบนี้ไม่ได้หากันง่ายๆ ต้องรีบตักตวงเก็บเอาไว้   คืนนี้อยู่กันจนดึกพอสมควรเลย  ก็บรรยากาศมันพาไปนี่นา   คุยไปคุยมาจนเพลิน  และแล้วก็มีคนเล่าเรื่องลี้ลับให้ฟังอีกจนได้  ป๋ามืดเมื่อก่อนแกเข้าป่าบ่อย  และแกก็เจออะไรมากมาย  แกก็มาเล่าให้พวกเราฟังตอนประมาณห้าทุ่ม  ทุกอย่างแลดูเงียบ  บรรยากาศได้พอดีครับ  ทีแรกก็คิดว่าขนลุกเพราะหนาว  แต่ไม่ใช่ละ... ฝันดีราตรีสวัสดิ์ครับ  เจอกันตอนเช้า  บรึ้ยยยยย......



   



อรุณสวัสดิ์ยามเช้า  เช้านี้บรรยากาศดีเหลือเกิน กลิ่นไอธรรมชาติกลางป่าใหญ่นี้ช่างสดชื่นเกินบรรยาย  สูดได้เต็มปอด  แต่เอ๊ะเจ้าติน ทำไมร้องไห้แต่เช้าเลย  ไม่ใช่สิ ร้องทั้งคืนตั้งแต่ตีหนึ่ง  กลางป่าลึกมีอะไรลี้ลับเสมอครับ  ...  วันนี้เราคงต้องกลับกันแล้ว เวลาสนุกๆแบบนี้ผ่านไปเร็วเสมอ  เช้านี้ไม่มีอะไรมากๆครับ  อาหารง่ายๆ กาแฟสักแก้ว  พอแล้ว  เกือบๆสิบโมงเราจึงออกจากจุดแค้มป์ เที่ยวกลางป่าแบบนี้  อย่าลืมเก็บขยะออกมาด้วยนะครับ  แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้า.... "กาลครั้งหนึ่ง.. เราจะพบกับใหม่"


   



ขอบคุณเพื่อนร่วมทางทุกๆท่านครับ  ทั้งใหม่แกะกล่อง และเก่าฝุ่นเกาะ

น้าหมู  เต้ย  พี่หนุน  พี่อ้อน  ก๊อง  พีต้น  พี่ชา  พี่เบียร์  น้องติน  ต้นเซฟ ...... นัท  อั้ม  นัท   ก๊อป  อุ้ม  มิน  บี  โจ้  เก็บออม พี่วุฒิ  แบงค์  หวาน  พี่เกรียง  กบ  พี่มืด

ขอบคุณภาพสวยๆจากเพื่อนสมาชิกทุกท่านด้วยครับ

น้องนัท ผู้ Alert ในการถ่ายภาพ
ท่านเต้ย ช่างภาพสายเมา
พี่ต้น ฝากถ่ายวีดิโอด้วย
กบ ช่างภาพสายบุญ (เราเขียนเอง ต้องดูดีไว้ก่อน)


การเดินทาง


โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนวัดสุธาสินี จากอำเภอไทรโยคใช้เส้นทาง 6018  เส้นทางอำเภอไทรโยค – ลำสมอ ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ลักษณะเป็นทางลาดยาง


การเดินทางไปแม่น้ำน้อย ให้ใช้เส้นทางหมายเลย 323 ผ่าน น้ำตกไทรโยคน้อย ไปถึงประมาณหลังกิโลเมตรที่ 148 ให้สังเกตุจะมีทางเข้าทางซ้ายมือ เป็นทางราดยาง ถนนหมายเลย 3090 ขับไปสักพักเราจะเจอแยกขวามือ เป็นทางโค้งพอดีครับ เข้าไปสักพักเราก็จะเจอด่านตรวจแม่น้ำน้อยครับ  เราต้องแลกบัตรที่นี่ครับ



ภาพบางส่วนจากการเดินทาง



                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                     

13
กาลครั้งหนึ่ง ออฟโรด / Profender ฝีมือคนไทย
« เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2016, 04:15:43 pm »
Profender premium suspension




ทางกลุ่มกาลครั้งหนึ่งได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตโช้คอัพ Profender ซึ่งเป็นผลงานและนวัตกรรมสุดล้ำของคนไทย เป็นกิจกรรมเล็กๆสนุกๆ ที่ทางบริษัทโปรเฟนเดอร์ได้จัดขึ้นมา เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ จากที่ได้พูดคุย  โช้คอัพโปรเฟนเดอร์  ไม่ค่อยได้รับความนิยมในเมืองไทยมากนัก  แต่ได้รับความนิยมในต่างประเทศซะมากกว่า  หรืออาจจากการที่มันเป็นผลงานของคนไทย หลายๆคนจึงอาจมองข้าม ลังเล และไม่ค่อยมั่นใจในคุณภาพสักเท่าไหร่   และหันไปเล่นตัวนอกกันซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะไม่ใช่แบบนั้นเลยก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีการผลิตและการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องของโปรเฟนเดอร์  อาจทำให้เราต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ก็เป็นได้   จากวันนี้ที่ได้เข้าไปเยี่ยมชมสิ่งแรกที่สะดุดตานั้นคือการออกแบบ โช้คอัพแต่ละตัวของโปรเฟนเดอร์ออกแบบมาได้อย่างปราณีตสวยงามน่านำมาประดับและติดตั้งในรถคู่ใจมากๆ  หลายๆคนเห็นแล้วเป็นต้องชอบแน่ๆ  ผมก็เช่นกัน  แต่ความสวยงามและการพัฒนานวัตกรรมนั้นอาจจะยังบอกประสิทธิภาพการขับขี่ยังไม่ได้ เพราะผมเองก็ยังไม่เคยได้ลองสัมผัส และด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง ทั้งๆที่ผลิตในประเทศไทย และเป็นโช้คของคนไทย ถ้าทางบริษัททำราคาได้น่าจับต้องมากกว่านี้  ผมเชื่อว่าน่าจะได้รับความนิมยมมากขึ้นในบ้านเรา อันนี้ขอฝากไว้พิจารณาด้วยครับ   แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากสนับสนุนผลงานของคนไทยสักครั้ง มองๆไว้เหมือนกัน ลูบๆคลำๆ อดใจแทบไม่ไหว บอกเลย... ใจไม่ถึงอย่าจ้องเขานาน เดี๋ยวจะเสียตังค์โดยไม่รู้ตัว.. 55555

และในวันนี้ทางบริษัทก็ได้นำนวัตกรรมตัวใหม่ล่าสุดมาให้ชมกันด้วย บอกเลยสวยจับจิตครับ เห็นสเป๊กแล้วน่าติดตาม  ซึ่งน่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้ละครับ  ส่วนในช่วงเย็นมีปาร์ตี้กันเล็กๆน้อยๆ และมีจับของรางวัลเป็นโช้คอัพโปรเฟนเดอร์มูลค่าตั้ง 20000 ลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ แต่บุญไม่ถึงอดไป... ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับผู้โชคดีด้วยนะครับ

วันนี้ได้เห็นอะไรมากมายจากกิจกรรมนี้ ต้องขอขอบคุณพี่แก้ว และทางบริษัท โปรเฟนเดอร์  ที่ให้เกียรติเราได้ไปเยี่ยมชมนวัตกรรมสุดล้ำของคนไทย

เก็บภาพมาฝากบางส่วนครับ.. ^--------^

     

     

     

     

     



14
สุขเขตประเทศไทยฝั่งตะวันตก  ที่นี่ "เขากระโจม"






ทริปนี้กลายเป็นทริปวันหยุดที่ไม่ได้แพลนไว้ล่วงหน้า คือช่วงวันหยุดยาว 5-8 พ.ค. หลายๆคนติดธุระบ้าง แยกย้ายกลับบ้านกันบ้าง แต่ก็มีพี่ในกลุ่มอยู่คนนึง  อยากออกทริปมากๆ ที่ไหนก็ได้ใกล้ กทม นอนสักคืน เน้นออฟโรดนิดๆ และหาที่เล่นน้ำกัน การคอนเฟริมทริปเกิดขึ้นช่วงเย็นก่อนออกเดินทางในวันรุ่งเช้า คิดแล้วไปกันเลย   อ.สวนผึ้ง ราชบุรี  และ  "เขากระโจม" คือคำตอบที่ดีที่สุดในช่วงนั้นครับ  เรานัดเพื่อนๆในวันเสาร์เช้าวันรุ่งขึ้นนั้นเอง ที่แมคโดนัล แถวๆ อ.นครชัยศรี กับรยนต์ 4x4   3 คัน   ซึ่งดูเหมือนสมาชิกน่าจะเยอะพอสมควร แต่กลับกัน เราไปกันแค่ 4 คนเองครับ  ระหว่างขับรถไม่รู้จะคุยกับใครเลย  ก็มันไม่มีคนคุย  ทริปนี้ค่อนข้างชิลๆเรื่อยๆครับ  ไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก แค่รู้เป้าหมายแล้วว่าจะไปที่ไหน คำนวนเวลานิดหน่อยทริปมันก็ลงตัว

ช่วงเดือนที่ไปนี้เป็นเดือน พ.ค. ฝนยังไม่เทลงมา  เส้นทางช่วง 10 กิโลเมตรสุดท้ายจึงยังไม่โหดร้ายมากนัก  แต่รถที่จะขึ้นไปได้ยังไงก็ต้องเป็นรถยนต์พวกกระบะ และถ้าเป็น 4x4 ได้ยิ่งดีครับ และยิ่งเป็นหน้าฝน  ก็ต้อง 4x4 เท่านั้น  วันนี้รถเรา 3 คัน 3 ค่าย  อีซูซุ  ฟอร์ด เชฟ เป็น 4x4 ทั้งหมด พร้อมแล้วก็ออกล้อหมุนกันเลย  เป้าหมายวันนี้เราแค่ขับรถชมวิวเส้นทาง และยอดเขากระโจมครับ  เราไม่ได้ค้างคืนบนนี้ เราจะขับรถลงมานอนกันด้านล่าง  เพราอยากหาที่เล่นน้ำกันครับ


     


เราเริ่มเดินทางออกจากสวนผึ้ง ช่วงประมาณบ่ายโมงครับ ไปตามเส้นทาง 3087 ผ่านบ้านอ้อมกอดขุนเขา และจุดสังเกตุ  ลาทอสคาน่า เลยไปสักนิดก็จะมีแยกทางซ้ายมือมีป้ายบอกอยู่ครับ ขับไปสักสักหน่อย  ก็จะมีแยกขวามืออีกทีครับ  แยกนี้เข้าไปประมาณ 10 กิโลเมตร จะเป็นราดยางช่วงแรก 2-3 กิโลเมตรได้ จากนั้นก็เริมเข้าสู่โหมด 4x4 ในระหว่างทาง 10 กิโลเมตรนี้เราใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง เนื่องจากหยุดพักบ่อยครับ  เส้นทางค่อนข้างสวยงาม และจุดไฮไลท์ตอนข้ามธารน้ำ  จุดนี้เชื่อว่าหลายคนที่ผ่านเส้นทางนี้ต้องชอบเป็นพิเศษ ช่วงนี้น้ำไม่เยอะครับ  สูงประมาณขอบประตู  เนินสุดท้ายก่อนถึงเขากระโจมจะค่อนข้างชันและยาวหน่อยครับ ช่วงนี้ทางแห้งขึ้นไม่ยากครับ  แต่ถ้าหน้าฝนอาจมีร้องไห้ได้ เรานั่งเล่นบนนี้สักพักครับ จากอากาศร้อนๆแดดเปรี้ยงๆ ก็เริ่มมีเมฆฝนเกาะกลุ่ม และมีละอองฝนลงมานิดหน่อย  พอทำให้อากาศเย็นลงได้บ้าง  ประมาณเกือบห้าโมงเย็นเราก็ลงครับ  เพราะต้องออกไปพักแรมกันที่ที่นึง นั้นคือ บ้านสารธารและขุนเขา ที่นี่มีบ้านพักและจุดกางเต็นท์  ลานกางเต็นท์กว้างและสะอาดมากๆครับ ห้องน้ำเยอะและใหม่มากๆ  และที่สำคัญ ที่นี่ติดธารน้ำ  แช่น้ำกันได้สบายๆเลย โทรสอบถามบ้านพัก 081-9131576 รับรองไม่ผิดหวัง  เส้นทางเข้าไปทางแก่งส้มแมวครับ  เลยเลยห้วยคอกหมูไป และจะมีแยกทางซ้ายมือก่อนถึงแก่งส้มแมว  ไม่ต้องกลัวหลง  มีป้ายบอกตลอดทางครับ


บ้านสารธารและขุนเขา   https://web.facebook.com/profile.php?id=100008389500002&fref=ts



                                                                                                                                                                                                                                           

15
       [อมก๋อย] การเดินทางต่อจากกระทู้ที่แล้ว  จาก ต.สบโขง เราเดินทางย้อนกลับมาตั้งหลักกันใหม่ที่ตัว อ.อมก๋อย เพื่อสำรวจเล้นทางใหม่ โดยเป้าหมายคร่าวๆ คือ บ้านห้วยจิโน ซึ่งบริเวณใกล้นั้นจะมี  หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน นักท่องเที่ยวสามารถแวะพักกางเต็นท์ได้ มีจุดชมวิวที่สวยงาม นักท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ แนวลุยๆ แนวออฟโรด น่าจะรู้จักกันดีพอสมควร สภาพเส้นทางค่อนข้างลำบากพอสมควร  มีทางคอนกรีตสลับดินลูกรังบ้างในช่วงแรกๆ รถยนต์ควรเป็นรถกระบะสูงๆหน่อยและถ้าเป็น 4x4 ได้ยิ่งดีครับ การเดินทางเราสามารถไปได้ 2 เส้นทางครับ แยกทางเข้าจะอยู่ใกล้ๆกันครับ คือเส้นทางบ้านขุนตื่น เส้นทางนี้จะถึงบ้านยองแหละก่อนถึงบ้านห้วยจิโน  อีกเส้นทางนึงก็จะเลยทางเข้าตรงนี้ไปสักหน่อยครับ จะไปทางบ้านแม่ระมีดหลวง เส้นทางนี้จะถึงบ้านห้วยจิโนก่อนครับ  แล้วจึงต่อไปบ้านยองแหละ ทั้ง 2 ทางจะมีป้ายบอกอยู่ครับ  เราจึงลองวิ่งทั้ง 2 ทางเลยโดยไปทางแม่ระมีดหลวงและวนกลับทางบ้านขุนตื่น


ประวัติศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านห้วยจิโน

ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านห้วยจิโน ตั้งอยู่หมู่ที่ 15 ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2544 โดยใช้บริเวณบ้านพักเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพื่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ต่อชาวบ้าน ผู้เรียน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ร่วมกันสร้างศูนย์การเรียนฯหลังใหม่ขึ้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2544 ณ บริเวณแปลงเพาะกล้าไม้ โดยมีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ได้รับงบประมาณก่อสร้างจาก คุณธยาพล นงนุช หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอราวัณ กล่องกระดาษ บริษัท ซีเค เชียงใหม่ ชาวบ้านและศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภออมก๋อย ต่อมาเมื่อต้นปี พ.ศ.2553 ได้มีชาวบ้านจำนวน 6 หลังคาเรือน ได้มีการย้ายบ้านเรือนไปสร้างที่อยู่ใหม่ ซึ่งมีบริเวณกว้างขวางเหมาะสมที่จะสร้างบ้านเรือน ดังนั้นชาวบ้านจึงได้ย้ายศูนย์การเรียนฯมาด้วย โดยได้รับการสนับสนุนจาก กศน.อมก๋อย และหน่วยงานเอกชนจาก กรุงเทพฯ ช่วยสมทบทุนในครั้งนี้ด้วย โดยอาคารเรียนหลังนี้เป็นหลังคามุงกระเบื้อง เป็นอาคารเรียนถาวรที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน  ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558  ได้งบจากบิ๊กซีโดยที่เงินผ่านมูลนิธิสมเด็จพระเทพราชสุดาสยามราชกุมารีจำนวน 100,000 บาท  และได้ก่อสร้าง ศศช.ขึ้นใหม่ในปัจจุบัน

จำนวนนักเรียนปี 2559

ระดับชั้น อนุบาล1 ถึง ป. 6
มีนักเรียนทั้งหมด 14 คน  ชาย 1 หญิง 13
มีคุณครู 2 ท่าน คือ
คุณครู แสงอรุณ อุทัยผล     ประจำตั้งแต่ปี 2555  จนถึงปัจจุบัน
คุณครู นรินทร์ ก้านต่อดอก  ประจำตั้งแต่ปี 2557  จนถึงปัจจุบัน

ประวัติหมู่บ้านห้วยจิโน

หมู่บ้านห้วยจิโน ตั้งอยู่หมู่ที่ 15 ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ประชากรเป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง (โปว์) มีฐานะยากจน มีอาชีพเป็นลูกจ้างหน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน อพยพมาจากพื้นที่หลายหมู่บ้าน ทั้งบ้านยองแหละ บ้านแม่ระมีด ซึ่งสร้างบ้านเรือนอยู่ใกล้กับแปลงเพาะทั้งสองฝั่งห้วยจิโน มีบ้านทั้งหมด 15 หลังคาเรือน มี 18 ครอบครัว มีประชากรทั้งหมด 102 คน ชาย 39 คน หญิง 63 คน ต่อมาเมื่อต้นปี 2553 ทางหน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน ได้รับงบประมาณในการจ้างคนงานลดลงจึงจำเป็นต้องลดเวลาการทำงานลงทำให้ชาวบ้านมีรายได้น้อย ไม่เพียงพอกับการใช้จ่ายในครัวเรือน จึงอพยพถิ่นฐานมาสร้างบ้านเรือนอยู่ห่างจากหมู่บ้านเดิม ประมาณ 3 กิโลเมตร ทำให้ชาวบ้านสามารถปลูกผักไว้บริโภคในครัวเรือนและทำไร่ ซึ่งชาวบ้านได้ย้ายมาในตอนแรก 8 หลังคาเรือน และที่เหลือค่อยๆทยอยย้ายมาจนหมด

จำนวนประชากร ปี 2559
หญิง 39 คน
ชาย 24 คน
จำนวนบ้าน 20 หลังคา

อาณาเขตติดต่อ

ทิศเหนือ ติดกับ บ้านแม่ระมีดหลวง
ทิศใต้ ติดกับ บ้านแม่ลอก
ทิศตะวันตก ติดกับ หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน
ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านยองแหละ


ประวัติศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านยองแหละ

ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา "แม่ฟ้าหลวง" บ้านยองแหละ หมู่ที่  15  ตำบลอมก๋อย   อำเภออมก๋อยจังหวัดเชียงใหม่   มีพิกัดที่ MV 2026538 จัดตั้งขึ้นในปี  พ.ศ.  2535    โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการดอยเป้เป้อ  โดยมีครูคนแรกที่มาจัดกิจกรรมการเรียนการสอน  คือ  ครูถวิล  ดวงใจ    โดยขณะนั้นมีนายมูเซ  รุ่งโรจน์ประชาชื่น  ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน   เริ่มแรกยังไม่มีศูนย์การเรียนได้ใช้สถานที่บ้านนายมูเซ  จัดการเรียนการสอนชั่วคราว ต่อมาครูประจำศูนย์การเรียนได้ร่วมมือกับชาวบ้านในพื้นที่ดำเนินการสร้างศูนย์การเรียนฯขึ้น  โดยใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่น   

หลังจากนั้นในปี  2547    ได้รับงบประมาณจาก  UNESCO  มูลนิธิคาร์ฟูล์ประจำประเทศไทย   ได้รับสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียนไม้ 1 หลัง  โดยประสานผ่าน ศบอ.อมก๋อย (ซื่อสถานศึกษา สังกัด  กศน. ในขณะนั้น)  ครูนิเทศก์  ครูประจำศูนย์ศศช. และชาวบ้านยองแหละร่วมกันดำเนินการก่อสร้าง  และใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน  อีกทั้งกิจกรรมต่างๆของหมู่บ้าน  และหน่วยงานภาคีเครือข่ายมาโดยตลอด

ปี พ.ศ. 2553  มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี  ได้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างอาคารเรียนอนุบาลครูนิเทศก์  ครูประจำศูนย์  ศศช. และชาวบ้านยองแหละร่วมกันดำเนินการก่อสร้างและใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนระดับชั้นอนุบาลและได้ตั้งชื่อว่า  “อาคารเรียนรวมใจ”

ปี พ.ศ. 2556 โครงการคืนร้อยยิ้มสู่ถิ่นไกล  นำโดยคุณณรงค์  แม่นปืน  และกลุ่มเพื่อนพอเพียง  ได้สนับสนุนงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน 2 หลัง  ได้แก่  “ อาคารเรียนคืนรอยยิ้มสู่ถิ่นไกล 1”  อาคารเรียนคืนรอยยิ้มสู่ถิ่นไกล 2”  และห้องน้ำนักเรียนจำนวน 4 ห้อง  พร้อมทั้งสร้างอาคารอาบน้ำสำหรับนักเรียนอนุบาล  และระบบสาธารณูปโภคในศูนย์การเรียนฯ  ได้แก่ระบบประปา  ระบบไฟฟ้า  ภายในศูนย์การเรียนทั้งหมด  ซึ่งได้มีพิธีมอบอาคารเรียน  เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2556

ทั้งนี้ทางคณะครูและชาวบ้าน    ได้ใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนเพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับนักเรียนของศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านยองแหละ  และคนในชุมชนมาโดยตลอด

นักเรียน ศศช.ยองแหละ ปี 2559

ระดับชั้น อนุบาล1 ถึง ป.6
นักเรียนชาย 53 คน นักเรียนหญิง 43 คน รวมทั้งหมด 96 คน
คุณครู 2 ท่าน  คือ
นางกฤษดาพร     แสนศรี               
นางเลิศขวัญ       วงค์แต๋ 


ทำเนียบคฯะกรรมการศูนย์การเรียนฯ

นายโป๊ะโด่ย       รุ่งโรจน์ประชาชื่น     ตำแหน่ง    ประธาน
นายโดยแซ        พยุงมาลัย             ตำแหน่ง    รองประธาน
นายแกพะ          รุ่งโรจน์ประชาชื่น     ตำแหน่ง    กรรมการ
นายพะแยซอ       รุ่งโรจน์ประชาชื่น     ตำแหน่ง    กรรมการ
นายกังแฮ          รุ่งโรจน์ประชาชื่น     ตำแหน่ง    กรรมการ
นางสาวสวยพะ    รุ่งโรจน์ประชาชื่น      ตำแหน่ง     เลขานุการ
นายกอแย          รุ่งโรจน์ประชาชื่น     ตำแหน่ง    อาศาสมัคร กศน.
นางสาวพิมพร     รุ่งโรจน์ประชาชื่น      ตำแหน่ง    อาศาสมัคร กศน.
นางกฤษดาพร     แสนศรี                 ครู ศศช.    ที่ปรึกษา
นางเลิศขวัญ       วงค์แต๋                 ครู ศศช.    ที่ปรึกษา


ข้อมูลชุมชนบ้านยองแหละ

บ้านยองแหละตั้งอยู่ในหมู่ที่  15  ต.อมก๋อย  อ.อมก๋อย  จ.เชียงใหม่   บ้านยองแหละนั้นตั้งชื่อตรงกับแม่น้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้าน  ประชากรในหมู่บ้านนั้นเป็นชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยงโปว์ชาวบ้านส่วนใหญ่นับถือ  ผีสาง  ในทุกๆ ปี ก่อนที่ชาวบ้านจะทำการปลูกข้าวไร่    จะมีพิธีกรรมเลี้ยงผีเพื่อจะดูว่าในปีนี้จะทำการเกษตรได้ผลดีหรือไม่อาชีพชาวบ้านส่วนใหญ่จะทำการปลูกข้าวไร่และหาของป่า   เลี้ยงสัตว์ตลอดจนการรับจ้างทั่วไป   สำหรับการไปรับจ้างประกอบอาชีพที่ในตัวเมืองหรือต่างจังหวัดจะมีส่วนน้อย

อาณาเขตติดต่อ

ทิศเหนือติดต่อกับ              บ้านแม่ระมีดหลวงตำบลอมก๋อย
ทิศใต้ติดต่อกับ                 บ้านขุนตื่นตำบลสบโขง
ทิศตะวันออกติดต่อกับ         หมู่บ้านรังบี้ตำบลอมก๋อย
ทิศตะวันตกติดต่อกับ           หมู่บ้านแม่โขงตำบลนาเกียน



                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                               



หน้า: [1] 2